Disconnected

“Disconnected” Keane

Something’s crept in under our door
Silence soaking through the floor
Pinching like a stone in my shoe
Some chemical is breaking down the glue
That’s been binding me to you
บางอย่างได้ค่อยๆเข้ามาที่ประตูของเรา
ความเงียบงันได้คลุมไปหมดทั้งพื้น
รู้สึกเจ็บเหมือนมีหินอยู่ในรองเท้า
คล้ายมีเคมีบางอย่างที่สามารถทำลายกาวได้
ทำลายกาวที่ได้เชื่อมเราไว้ด้วยกัน
Oooh ooh ooh

I feel like I just don’t know you anymore
But I’ve been burned and I’ve been wrong so many times
We walk in circles
The blind leading the blind

ฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่ได้รู้จักเธอแล้ว
แต่ฉันรู้สึกเหมือนโดนเผา และฉันก็ได้ทำผิดหลายครั้งมาก
เราเดินอยู่เป็นวังวน
ที่ผู้ตาบอดก็เดินนำผู้ที่ตาบอดเหมือนกัน

Well I thought that love watched over this house
But you’re boarding up the windows now
We’ve been leaning on each other so hard
Tied so tight we wound up miles apart
Making simple things so hard

จริงๆฉันคิดว่าความรักจะดูแลบ้านเอาไว้ได้
แต่เธอก็ตอกปิดหน้าต่างเอาไว้
เราเพิ่งกันและกันมากเกินไป
ผูกติดกันไว้แน่นเกินไปจนเป็นแผลยาวเป็นไมล์
และทำสิ่งง่ายๆให้กลายเป็นเรื่องยาก

Oooh ooh ooh

I feel like I just don’t know you anymore
But I’ve been burned and I’ve been down so many times
We walk in circles
The blind leading the blind
We’ve been disconnected somehow

ฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่ได้รู้จักเธอแล้ว
แต่ฉันรู้สึกเหมือนโดนเผา และฉันรู้สึกแย่หลายครั้งมาก
เราเดินอยู่เป็นวังวน
ที่ผู้ตาบอดก็เดินนำผู้ที่ตาบอดเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม เราก็ขาดจากกันแล้ว
There’s an invisible wall between us now
But I’ve been wrong and I’ve been down so many times
We walk in circles
The blind leading the blind
มันมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นเราไว้
ฉันทำผิดและรู้สึกแย่หลายครั้งมาก
เราเดินอยู่เป็นวงกลม
ที่ผู้ตาบอดเดินนำมองไม่เห็นเช่นกัน

I see the landscape change before my eyes
The features I’ve been navigating by
No nothing looks the way it did before
I don’t know where to look or what to look for

ฉันเห็นทิวทัศน์เปลี่ยนไปต่อหน้าต่อตาฉัน
จุดเด่นที่เคยนำฉันมา
ทุกอย่างดูไม่เหมือนเดิมที่เคยเป็น
ฉันไม่รู้ว่าฉันจะต้องมองจากตรงไหน หรือ มองจากอะไร…

I feel like I just don’t know you anymore
But I’ve been burned and I’ve been down so many times
We walk in circles
The blind leading the blind
We’ve been disconnected somehow

There’s an invisible wall between us now
But I’ve been wrong and I’ve been down so many times
We walk in circles
The blind leading the blind
We’ve been disconnected somehow

There’s an invisible wall between us now

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-
เรารู้สึกแย่ รู้สึกเหมือนเค้าไม่ใช่ของเราแล้ว
มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว
เหมือนเราสองคนโดดตัดขาดจากกันแล้ว
ทุกอย่างดูไม่เหมือนเดิมที่เคยเป็น
เราก็ไม่รู้ว่า ถ้าจะเดินต่อ
จะต้องมองจากทางไหน ต้องมองจากอะไร
เราคิดถึงเค้านะ เราบอกเค้าตลอด
มันน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่เราน่าจะทำได้
เป็นแบบนี้กันมากี่ครั้งแล้ว
ครั้งนี้จะเป็นแค่อีกครั้ง หรือว่า ครั้งสุดท้าย
หรือแค่เราที่คิดมาก…..
แต่มันมีอยู่จริงๆนะ
visible wall between us น่ะ

Can’t sleep love

รักวงนี้ เพลงน่ารักมาก 🙂

Can’t Sleep Love

Tell me am I going crazy? (Uh… huh)
Tell me have I lost my mind? (Yeah!)
Am I just afraid of lovin’? (Uh… huh)
Or am I not the lovin’ kind? (Yeah!)
บอกฉันทีว่าฉันบ้าไปแล้วรึเปล่า
บอกที่ว่าฉันสติหลุดเพ้อเจ้อไปแล้วรึเปล่า
หรือว่าฉันแค่กลัวความรัก
หรือว่าฉันเป็นพวกไม่อินกับเรื่องความรัก

(*) Kissin’ in the moonlight,
Movies on a late night,
Gettin’ old.
(Uh… huh)
จูบภายใต้แสงจันทร์
ดูหนังด้วยกันตอนกลางคืน
มันเชยมาก

I’ve been there, done that.
Supposed to be hot,
But it’s just cold.
(Yeah!)
ฉันก็ทำมาหมดแล้วหล่ะ
แทนที่จะรู้สึกว่ามันร้อนแรง
แต่มันกลับจืดฉืดเหลือเกิน

Somebody wake up my heart,
Light me up,
Set fire to my soul, yeah. (Uh… huh)
Cause’ I can’t do it anymore. (Yeah!)
ใครก็ได้มาปลุกหัวใจฉัน เติมไฟให้ชีวิตฉันดี
เพราะฉันทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว

(**) Gimme that can’t sleep love
(Gimme that can’t sleep)
I want that can’t sleep love
(Gimme that can’t sleep)

The kind I dream about all day,
The kind that keeps me up all night.
Gimme that can’t sleep love.
(Yeah!)
เรื่องที่ฉันฝันถึงอยู่ทุกวัน
เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้ฉันคิดถึงทุกคืน

Maybe I’m too picky, honey. (Uh… huh)
But I’m not in the world you’re in. (Oh, oh, oh)
I’m not in it for the money, ooooh
I’ve been looking for the real thing.
(Yeah!)
หรือบางทีฉันก็เป็นคนช่างเลือกไปหน่อย
แต่ว่าฉันก็ไม่ได้อยู่โลกเดียวกับคุณนะ
ฉันไม่ได้หามันเพราะว่าเรื่องเงิน
แต่ที่ฉันมองหาคือ ของจริง

Repeat (*, **)

Oh, I’m tired of dreaming I’m no one. (I’m tired.)
I need somebody next to mine. (I-I’m tired, yeah!)
And I’m trying to give it to someone, (give it to someone…)
Because I can’t do it anymore!
ฉันเหนื่อยที่จะฝันว่าฉันไม่มีใครแล้วฉันต้องการใครซักคนข้างๆ
และฉันกำลังจะพยายามให้มันกับเค้าไป
เพราะว่าฉันทนต่อไปไม่ได้แล้ว

Repeat (**)

Can’t sleep love จะแปลว่าอะไรดีนะ… โปรดส่งใครมารักฉันที รึเปล่า อยากจะมีใครให้คิดถึงจนนอนไม่หลับ ^_^Pentatonix-Cant-Sleep-Love-e1441381333395-1500x791

Boy when you with me, I’ll give you a taste

สวัสดีค่ะ วันสองวันนี้อั๋นชอบเพลง Birthday ของ Katy Perry มาก ถึงแม้จะออกมาได้เป็นปีแล้วก็เถอะ (ออก เดือนเมษาปี 2014) จริงๆ อั๋นเคยฟังเพลงนี้แล้วนะ เพราะเพื่อนส่งมาให้ตอนวันเกิด ตอนนั้น ด้วยที่ MV คือ ฮามาก เคธี่ เค้าแต่งตัวเป็นคนอื่นเพื่อไปงานปาร์ตี้วันเกิด แล้ว มีคนจับได้ว่าเป็นนางแค่คนเดียวเอง เลยสนใจที่ MV มากกว่า (Birthday – Katy Perry)

Birthday-Vevo-1280-1280x720

อยู่ๆ อั๋นก็ได้ยินเพลงนี้โดยบังเอิญอีกรอบ คราวนี้อยู่ๆอั๋นก็ได้ยินเนื้อร้องก็รู้สึกว่า เฮ้ย น่ารัก เอร้ยยย น่ารักมากอ่ะ คนที่ส่งเพลงนี้ให้เรา เค้าต้องฟังเนื้อเพลงแล้วรุ้สึกว่า เฮ้ย ต้องเอาไปให้อั๋นฟังอ่ะ (มโนมาก) เนื้อเพลงท่อนฮุกเค้าบอกไว้ว่า

Boy when you’re with me
I’ll give you a taste
Make it like your birthday everyday
I know you like it sweet
So you can have a cake
Give you something good to celebrate

katy4

อื้อหืออออ ตอนแรกเราว่าน่ารักนะ พิจารณาอีกที เอร้ยยย >//////< เขินอ่ะ ติดเรท เลยส่งให้เพื่อนอีกคนดู เชื่อว่านางก็คิดแบบเดียวกะเรา พอนางอ่านแล้วก็บอกว่า เฮ้ยยย ติดเรทอ่ะ ฮะๆ เราก็บอกเลย เฮ้ย นาย คิดมาก เพลงออกจะน่ารัก ใครจะบ้าไปคิดติดเรท ฮะๆๆ

ก็….อั๋นขอบอกเลย

I’ll be your gift
Give you something good to celebrate

katy2

เอร้ย ว่าแล้วก็เขิน ลองฟังดูนะคะ

ปล. เดือนที่ผ่านมาค่ะ สำหรับยิมที่อั๋นเป็นสมาชิกอยู่ เค้าจะมีการลอนช์พวกคลาสออกกำลังกายรีรีสใหม่กัน คลาสโปรดของอั๋นคือคลาส บอดี้สเตป ค่ะ เป็นการออกกำลังกายแบบ เต้นบนอุปกรณ์ที่เรียกว่า สเตป ก็เหมือนกับการ ก้าวขึ้นลงบันไดแหล่ะค่ะ คือ เต้นธรรมดามัน Too main stream อั๋นเลยต้องเต้นบน step เพื่อเพิ่มความสวยให้ตัวเอง คราวนี้ค่ะ รีรีสใหม่ก็คือ รีรีสที่ 100 เค้าก็เลยมา theme แบบ Celebrate ค่ะ เพลงที่เอามาใช้เลยออกแนวฉลอง ยินดี เย้ๆ อะไรก็ว่าไป เพลงวอร์ม ใช้เพลง Birthday ของ Katy Perry พอดี จะว่าไป นี่ฟังเพลงจากยิมอีกแล้วนะเนี้ย

So walk this way

วันนี้ค่ะ อยากนำเสนอเพลงของ P!nk เพลงนึงค่ะ ฟังแล้ว นึกถึงสมัยเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ สมัยยังไม่มีภาระ เมาไปวันๆจริงๆ

มาฟังเนื้อเพลงกัน เออ แปลแย่ไปหน่อยนะ ขอโทษที อารมณ์

One step, two steps,
Counting tiles on the floor
Three steps, four steps,
Guess this means that I’m a whore
Uh-oh, Hell no,
How long ’til I reach the door?
Fuck me, My feet are sore

หนึ่งก้าว สองก้าว ฉันกำลังนับกระเบื้องบนพื้นอยู่ สามก้าว สี่ก้าว คิดว่าฉันเป็นกะหรี่หล่ะซิ เชรี้ยเอ้ย เมื่อไหร่จะถึงประตู ปวดขาหมดแล้ว

I’m wearing last night’s dress and I look like a hot ass mess
Although my hair looks good ’cause I haven’t slept yet!

นี้ยังใส่ชุดเมื่อคืนอยู่เลย ดูดีเซ็กซี่สุด แล้วก็ผมก็ยังดูดีอยู่เลย เพราะว่ายังไม่ได้นอนเลย

Make the elevator come a little faster
I’m pushing all the buttons, but nothing’s happening
Please God don’t let anybody see me
Please God I’ll do anything you ask of me
I promise, no more walks of shame

ลิฟต์เอ้ย มาเร็วๆหน่อย นี้ฉันกดทุกปุ่มแล้วนะ ทำไมยังช้าอยู่ พระจ้าววววว อย่าให้ใครเห็นลูกเลย ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่คุณบอกเลย ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว

So walk this way (we’re walking, we’re walking)
Walk this way (we’re walking, we’re walking)

เออ เดินแบบนี้แหล่ะ ไปทางนี้นั้นแหล่ะ

Last night’s bubblegum,
No more bubbles, no more yum
Where’d I get the wristband,
Tell me there’s no tramp stamp
One two three shoot,
No I know that shit ain’t cute
But damn the man it sure is fun,
To party ’til the sun wakes up
Okay now raise two hands if you’ve ever been guilty
And clap clap clap clap clap it out if you’ve walked with me

เมื่อคืนพี้หนักไปหน่อย ไม่เอาอีกแล้ว แล้ววริชแบนด์นี้มาจากไหนเนี้ย บอกทีว่าไม่มีแสตมป์อะไรที่หลังฉันนะ
ตายละ มันไม่ดีเลย แต่ให้ตายเหอะ เมื่อคืนมัน สุดเหวี่ยงมาก ปาร์ตี้กันยันพระอาทิตย์ขึ้น เอ้า ยกมือขึ้นเลย ถ้าเธอรู้ว่าเธอเคยผิดมาก่อน แล้วก็ตบมือถ้าเธอเป็นเหมือนกัน

Make the elevator come a little faster
I’m pushing all the buttons, but nothing’s happening
Please God don’t let anybody see me
Please God I’ll do anything you ask of me
I promise, no more walks of shame

So walk this way (we’re walking, we’re walking)
Walk this way (we’re walking, we’re walking)

I shouldn’t have let ’em take my keys, take my keys
They left me here
With too much beer.
My friends, they hung me out to dry.
It’s not my fault, and that’s why
I’m doin’ the walk of shame

ไม่ควรให้เค้าได้กุณแจไปเลย แม่งกูโดนทิ้งอีก พอดีดันจัดเบียร์หนักไปหน่อย เพื่อนก็ทิ้งกูอีก มันไม่ใช่ความผิดกูเล้ยยยย นี้แหล่ะ กูต้องมาเดินแบบนี้แหล่ะ

Make the elevator come a little faster
I’m pushing all the buttons, but nothing’s happening
Please God don’t let anybody see me
Please God I’ll do anything you ask of me
I promise, no more walks of shame
[2x]
So walk this way (we’re walking, we’re walking)
Walk this way (we’re walking, we’re walking)


เออ คำแปล หลังๆดูหยาบคาย บายเดอะเวย์ค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพลงนี้บ้าง

คือท่อนที่อั๋นชอบคือที่เค้าบอกว่า

Make the elevator come a little faster
I’m pushing all the buttons, but nothing’s happening
คือแบบ บ่งบอกความเมามาก อยากให้ลิฟต์ไปไวๆ แต่กดแม่งทุกชั้น เริ่ดเลอ

No more bubbles, no more yum
Bubble กับ Yum เป็นชื่อเล่นภาษาอังกฤษของยาเสพติดค่ะ Bubble เข้าใจว่าเป็นยาเม็ดประเภท mephedrone ซึ่งคืออะไรไม่รู้ พอดีเจอจาก Google ส่วน Yum เข้าใจว่าคือกัญชา นะ

Where’d I get the wristband,
เข้าใจว่าเวลาจะเข้าผับ หรือ คอนเสิร์ต ก็จะมี wristband ใส่มาให้ ในเพลงนางคงไปไหนต่อไหนแล้วจำไม่ได้

Tell me there’s no tramp stamp
tramp stamp คือ รอยสัก หรือ เพนต์ หรือ แสตมป์ ที่หลังล่างแถวๆร่องก้น (ใน Urban Dict บอกว่า A tattoo above a woman’s ass crack.) ในเพลงน่าจะหมายถุึง นางกลัวนางเมามากจนไปสักมา (แบบในหนังเลย เมาแล้วมีรอยสักปริศนา)


คืออั๋นฟังท่อนแรก คือ นึกถึงสมัยเรียน คือไม่ใช่เราที่เมาหรอกนะ ไม่เคยเมาหนักขนาดนั้น เพื่อนคนนึงเพิ่งอกหักค่ะ นางไม่เคยไปผับไปบาร์ เลยชวนเพื่อนไปกันหมด แล้วคนไม่เคยไง เป็นไง เมาค่ะ เป็นการให้ผู้หญิงคนเดียวที่ไปด้วยกัน ไปส่งนางที่ห้อง แต่ก็มันดึกแล้วอ่ะนะ เราก็เลยนอนห้องนางเลย ชุดก็ชุดเมื่อคืนนั้นแหล่ะ กระโปรง รองเท้าส้น ผมดัด เริ่ดมาก ตอนเช้า ตื่นมา มึนๆ ตอนจะกลับห้องแล้วต้องเรียก Taxi แค่นั้นแหล่ะ พี่ทักเลย เมื่อคืนหนักไปหน่อยซินะ กูนี้อ้ายยยยอาย แทบจะร้องว่า Please God don’t let anybody see me คือแบบ ตามเนื้อเพลงเลย ทุกครั้งที่ไปนอนห้องเพื่อนแล้วใส่ชุดเมื่อคืนกลับบ้านตอนเช้านะ อิชั้นรู้สึกประมาณนี้ทุกครั้งเลย ดีนะมีไม่กี่ครั้ง

ปล. เพลงนี้คือได้ยินมานานแล้วค่ะ มันเป็นเพลงเต้นในฟิตเนสนี้แหล่ะ แต่เมื่อวานไม่รู้เป็นไง ปกติเต้นกับ Bodystep ซึ่งเป็นคลาสเต้นมันๆ เลยไม่ได้สนใจเนื้อเพลงอะไร แต่เมื่อวานค่ะ เพิ่งรู้ว่ามีเพลงนี้ในคลาส Bodypump ซึ่งเป็นคลาสยกน้ำหนัก ซึ่งใช้สมาธิพอสมควร อั๋นเลยได้มาจดจ่อกับเนื้อเพลงค่ะ เลยได้รับรู้ว่า เนื้อเพลงแม่ม เฮียมากๆ ชอบ So walk this way.

Smile

Lady Jane, the river saint

Lady Jane by Mika (From Songs for sorrow)

*เพื่อให้ได้อารมณ์ความเศร้า แนะนำให้เปิดเพลงด้วย

Listen to the song:

Lady Jane, the river saint, special yes, but lucky ain’t
Lady Jane said she walked on water
But she never had a man to show

Lady Jane พรายแม่น้ำ เธอเป็นสิ่งพิเศษ แต่ก็โชคร้าย
Lady Jane เธอเดินบนแม่น้ำได้เหมือนคน
แต่เธอก็ไม่เคยให้ใครเห็น

Then one day when she found a fella, she was eager just to let him know
Lady Jane she walked on water followed by her brand new lover
Who tumbled along drowning down below

และแล้ววันนึง เธอก็ได้พบกับหนุ่มน้อย เธอกระตือรือร้นที่อยากให้เขารู้
เธอเดินบนผืนน้ำได้ และตามมาด้วยหนุ่มน้อยคนรักคนนั้นของเธอ
แต่เขาเดินไม่ได้ และกำลังจะจมน้ำ

Lady Jane who can walk on water. Unfortunately, her lover fails in his attempt to follow her and sinks into the dark depths......

Lady Jane who can walk on water. Unfortunately, her lover fails in his attempt to follow her and sinks into the dark depths…..[ref]

Lady Jane did not abort for legends are never made that short
Now be sure when you listen to this
Here’s the reason you should never eat fish

เธอไม่รอช้าที่จะทำเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
และเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้
อาจจะเป็นเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงไม่ควรจะกินปลา

Convinced he’d become a creature of the sea
She cut off her feet and jumped into the deep
And never stopped looking for her lover below

หลังจากจมน้ำแล้ว หนุ่มน้อยได้กลายเป็นปลาในแม่น้ำนั้น
เพื่อจะตามหาเขา เธอตัดเท้าตัวเองและว่ายลงทะเล
และไม่ยอมหยุดตามหาคนรักของเธอข้างล่างนั้น

In order to find her lover, Lady Jane cuts off her feet, dives into the watery depths and in the process is transformed into a beautiful fish.

In order to find her lover, Lady Jane cuts off her feet, dives into the watery depths and in the process is transformed into a beautiful fish. [ref]

Lady Jane, the river fish became the world’s most wanted dish
And though no man would dare to catch
Something whose beauty we could never match

Lady Jane เจ้าปลาน้อย ได้กลายเป็นอาหารที่คนทั้งโลกก็อยากกิน
แต่ว่าไม่มีผู้ใดกล้าจับเธอ
ซึ่งเป็นสิ่งที่สวยงาม และไม่มีใครคู่ควร

But when some emperor from a far away state
Said, “I order you to get that fish’s head on my plate”
They killed little lady Jane

แต่แล้ววันนึง จักรพรรดิ์จากแดนไกล
ประกาศว่า “ฉันต้องการหัวปลาตัวนั้นในจานของฉัน”
และเค้าก็ฆ่า Lady Jane

The fish, Lady Jane is caught by a fisherman who presents her to the Emperor. However, despite being struck by her beauty, the Emperor has her cooked and eats her up!

The fish, Lady Jane is caught by a fisherman who presents her to the Emperor. However, despite being struck by her beauty, the Emperor has her cooked and eats her up! [ref]

You emperor of a distant land, the only man who didn’t understand
Although you think you’ve got your prize
There’s another fish that has escaped your eyes

จักรพรรดิ์จากเมืองที่ห่างไกลนั้น ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
แม้ว่าเค้าคิดว่าเค้าได้รับในสิ่งที่คู่ควร
แต่ก็มีปลาตัวนึงที่เขาคิดไม่ถึง

Lady Jane, her lover’s there
Swimming through the ocean with a desperate air
Looking for Lady Jane, he’s looking for Lady Jane

Lady Jane คนรักของเธออยู่ตรงนั้น
ว่ายน้ำไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย
เพื่อจะตามหา Lady Jane…..เค้าตามหา Lady Jane…..

Lyrics: Read more: MIKA – Lady Jane Lyrics | MetroLyrics


Extra:

fella – คำเรียกผู้ชายหรือเด็กชายอย่างไม่เป็นทางการ
eager – กระตือรือร้น
desperate – อย่างสิ้นหวัง, เต็มไปด้วยอันตราย

I love you just the way you are

เพลง The way you are ของ Billy Joel เนื้อหาน่ารักมากค่ะ ฟังเพลงนี้ครั้งแรกในรายการวิทยุ Band on radio ของป้าวาสนา ฟังแล้วก็บอกว่า ป้าคะ! เพลงนี้ เพลงงานแต่งหนูค่ะ!!! ตึง!!!!

คุณอาเราเล่าให้ฟังว่า เพลงนี้ ภรรยาของ Billy Joel เป็นคนแต่ง แต่ว่า แต่ว่า เลิกกันแล้วจ้า… ไม่น่าเชื่อนะ ตอนแรกเราคิดว่า ใครที่แต่งเพลงแบบนี้ได้ ต้องโรแมนติกมากๆเลย ทำไมเป็นงี้หล่ะ

I don’t want clever conversation
I never want to work that hard
I just want someone that I can talk to
I want you just the way you are

บางคนก็บอกว่า ชอบผู้หญิงฉลาด คนที่รู้จัก บอกว่าเค้ารู้เรื่องอะไรยากๆแถมรอบด้านด้วย ผู้ชายคุยด้วยเลยรู้สึกดีที่มีคนคุยรู้เรื่อง แต่พอเห็นประโยคนี้ในเพลง ก็แอบคิดว่า…อืม… จะไปพยายามพูด หรือทำตัวเองในแบบที่ตัวเองไม่ใช่ทำไม บางทีก็อาจจะแค่ได้คุยกับซักคนเฉยๆก็ได้ มั้ง… ถ้าไม่ใช่เรื่องงานกับที่ทำงาน เราแทบไม่คุยเรื่องอะไรยากๆ ปวดหัวๆกับคนอื่นเท่าไหร่นะ รู้จัก ดร. หรือ ว่าที่ ดร.หลายๆคน เราก็ไม่เคยชวนคุยเรื่องงานของเค้าเลย ปวดหัวอ่ะ งานตัวเองก็คิดไปแล้วแปดชั่วโมงต่อวัน พอนอกเวลางานจะมาคิดอะไรแบบนี้ทำไม เนอะ

I said I love you and that’s forever
And this I promise from the heart
I could not love you any better
I love you just the way you are

สุดท้ายแบบเช่นเคย วันนี้ไม่มีรูปอะไรที่เข้ากับเนื้อหา แต่จะเล่าอะไรให้ฟัง

เคยนั่งรถกลับบ้านพร้อมคุณอา แล้วเพลงนี้เล่นพอดี เราก็บอกอาว่า
“เพลงนี้เพลงงานแต่งหนูค่ะ” อาเราก็บอกเราทันทีว่า
“อาหวังว่า อาคงไม่แก่เกินไปที่จะไปงานแต่งนะ”

เงิบ………..

Twenty-five years I’m alive here still…

Twenty-five years I’m alive here still. Trying to get up that great big hill of hope. For a destination….

แฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้ตัวเองงัฟ อยู่เมืองนอกตอนวันเกิดตัวเองอีกแล้ว กระซิกๆ

น่ารักมั้ย qwiyomi

คำว่า Qwiyomi แปลว่า น่ารักในภาษาเกาหลี ตอนนี้เพลง Qwiyomi โครตระบาดในหมู่คนน่ารักเลย อยากน่ารักบ้าง ทำบ้าง บอกเพื่อนว่าเมา จะยอมเต้นเลย แต่ว่า เมาตั้งแต่แก้วแรกเลยฮะ เห็นแวว ฮิฮิ ดูหน้าซิ ไม่เมาเลย เพราะหน้าเป็นแบบนี้ไง พอบอกว่าเมาก็ไม่มีคนเชื่อ โอ้ไม่ พี่ชาย พี่ไม่เคยเชื่อชั้นเลย

 

Learning Disability ของการเล่นดนตรีของอั๋น

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนอั๋นได้ดูรายการประกาศภาวะฉุกคิดมาค่ะ ชื่อตอน Dyslexia ความผิดปกติทางการอ่าน

เค้าบอกว่า เป็นความพิการทางการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งเป็นความพิการทางการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาทั้งความคล่องแคล่วและความแม่นยำในการอ่าน การพูด และการสะกดคำ [1] แบบว่าเป็นแบบหนึ่งของพวก Learning Disability (LD) พอดูแล้วก็คิดว่า ตัวเองอาจจะมีแนวโน้มที่อยู่ในสภาวะนี้ก็ได้ คือ อั๋นเคยเขียนบล็อคเกี่ยวกับ คำที่สะกดผิดบ่อยๆ อยู่อันนึง [2] ความจริงคือ มันมีเยอะกว่านี้มากๆ แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะอาจจะเป็นแค่ว่าอั๋นไม่ได้ตั้งใจเรียนตอนเด็กๆก็เป็นได้ แต่เรื่องการอ่าน อั๋นไม่มีปัญหาเลย แต่พอให้สะกด ยังไงอั๋นก็สะกดไม่ถูก ในบล็อคเก่านั้น อั๋นเขียนแต่คำที่ตัวเองเขียนผิดในภาษาอังกฤษ จริงๆแล้วอั๋นยังมีปัญหาในการเขียนภาษาไทยด้วย คำยากๆอย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ กฐิน อัธยาศัย ศรัทธา อะไรแบบนี้ (แอบยอมรับเลย ว่าเปิด google ก่อนพิมพ์คำพวกนี้ทุกคำ) แต่คิดในแง่ดีคือ อาจจะเป็นคำที่หลายๆคนสะกดผิดก็ได้ ไม่ได้ผิดที่เราคนเดียวหรอก ฮิฮิ แต่จำได้ว่าสมัยเรียน จะถามเพื่อนตลอดเลยว่าสะกดยังไง แม้ว่าจะเป็นคำง่ายๆก็ตาม

ไอ้การสะกดคำไม่ค่อยถูกเนี้ย อั๋นก็พอรู้อยู่แล้วหล่ะ ว่าตัวเองมีปัญหา รวมไปถึงพวกการแยก ซ้าย-ขวา จาน-ชาม สมุด-หนังสือ b-d อะไรพวกนี้ด้วย เค้าว่ากันว่ามันเป็นภาวะ LD อีกแบบหนึ่งเหมือนกัน อันนี้ก็รู้ตัวนานแล้ว คราวนี้ อยู่ๆอั๋นก็เพิ่งนึกได้ว่ามีอีกอย่างที่มีปัญหาค่ะ

ปัญหาอีกอย่างที่นึกได้
คือว่า บางคนอาจจะรู้แล้ว ว่าอั๋นเรียนดนตรีมาตั้งแต่เด็กๆ สมัยอนุบาลแล้ว เรียนแบบหลักสูตรมาตรฐานทั่วๆไปอยู่เจ็ดปี แล้วเรียนจบก็ไม่ได้หยุดเล่น ก็ยังเล่นต่อจนถึงตอนนี้แหล่ะ ตามปกติ คนที่เรียนอะไรนานขนาดนี้ เค้าน่าจะอ่านโน้ตบรรทัดห้าเส้นกันได้แล้ว ขนาดคนเรียนภาษาอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยปีนึงก็น่าจะอ่านภาษาเค้าออกแล้วน่ะ แต่ของอั๋นนะ จนป่านนี้ยังอ่านบรรทัดห้าเส้นยังไม่ออกเลย คืออ่านได้ช้ามากๆ แถมสมุดโน้ตที่มี บนตัวโน้ตจะมีเขียนย่อไว้ตลอดเลยว่า อันนี้คือตัวโด เร มี อะไรแบบนี้ คือพวกสัญลักษณ์อะไรต่างๆพวก rest note, break, tie, slur, dynamic, staccato, fermata, cresendo อะไรพวกนี้รู้จักหมดนะ แต่พอเป็นโน้ตที่วางอยู่บนตำแหน่งบอกคีย์บนเส้นนี้ ยังไงก็อ่านไม่ออก
จริงๆแล้วอั๋นก็ไม่ได้จะเรียนจบหลักสูตรหรอกนะ คือไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันต้องเรียนถึงไหน คือพอผ่านเล่มพื้นฐานแล้วจบเกรด 9 ก็ไม่ได้เรียนต่อแล้ว อั๋นเรียนหลักสูตรอิเล็กโทนสำหรับเด็ก เริ่มนับตั้งแต่ เลเวล 14 แล้วนับถอยหลังไปเรื่อยๆ พอหมดวัยเด็ก มันก็ขึ้นเล่มใหม่พอเริ่มเรียน เกรด 8 ก็เข้ามัธยมพอดี ก็ไม่เรียนละ แต่ก็ไม่ได้เลิกเล่นนะ ก็ยังเล่นอยู่ตลอดๆ ยังไงก็ยังชอบเล่นดนตรีอยู่ เค้าก็ยังอุตสาห์ให้ผ่านมาจนเกรดเก้านะ

วิธีเอาตัวรอดจนถึงป่านนี้
จำได้ว่า เวลาเรียน ต้องแอบเขียน ด ร ม กำกับตลอด จนคุณครูว่า แต่สมัยนั้น ผลการเรียนเรา top form อยู่นะ ถ้าไม่นับเรื่อง อ่านโน้ตแล้วเล่นตามโน้ตเนี้ย ฝีมือก็เป็นตัวแทนห้อง ตัวแทนจังหวัดได้เลย (แต่ตอนนี้น่ะหรอ เหอะๆๆ) คือ จะเล่นได้ ต้องเคยได้ยินเพลงก่อน เราไม่สามารถ เห็นโน้ตแล้วเล่นได้ ขนาดเพลงง่ายๆ สี่คอร์ด สองบรรทัด ยังงงเลย เวลาอ่านโน้ตนะ ต้องไล่ใหม่ตั้งแต่ตัว โด ไปเรื่อยๆเพราะจำได้อยู่ตัวเดียว พอโตสมัยเรียนกีต้าร์ ครูเค้างงมาก คือเราเล่นกีต้าร์ เล่นคีย์บอร์ดได้ แต่อ่านโน้ตได้กากมากๆ เค้าเลยสอนเทคนิคให้ว่า ให้จำเฉพาะโน้ตที่คาบเส้นตรงกลาง คือตัว ที ทำให้เวลาจะอ่านโน้ตก็ไม่ต้องเริ่มจาก โด อีกแล้ว ตอนนี้อั๋นพัฒนามารู้จักตัว มี ซอล ที เรสูง แล้วนะ (ดูน่าภูมิใจเนอะ -_-) แต่ก็ยังต้องเขียนภาษาไทยกำกับอยู่ดี (แล้วก็โดนว่าอยู่ดี) ไม่ก็อาศัยการฟังแล้วจำเอา บอกตรงๆว่าถ้าไม่ฟังเพลงก่อน ก็เล่นไม่ได้อยู่ดี แต่ก็คิดว่า ทุกคนก็คงจะเป็นเหมือนกัน คนไม่เคยฟังเพลง จะร้องเพลงได้ป่ะ (โบ้ยสุดๆ)

ตัว ที จะอยู่ตรงกลางของบรรทัดห้าเส้นของกุญแจซอลพอดี

ยิ่งตอนนี้เล่นกีต้าร์นะ บรรทัดห้าเส้นนี้ อย่าหวังเลยว่าจะอ่านรู้เรื่อง แค่โน้ตก็อ่านไม่ออกละ นี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเล่นที่โน้ตสายอะไร ต้องเพิ่ง Tab guitar แทน กากมาก สงสารคนสอน ต้องมานั่งเขียน Tab เพลงให้เราอีก

tabถ้าเป็น Tab ก็จะบอกว่า สายไหน เล่นบาร์อะไร ก็จะทำให้ง่ายกว่าหน่อย

 

รวมไปถึงการสะกดคำด้วย พวกภาษาไทย อั๋นยังไม่มีวิธีแก้ แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ อั๋นพอจะมีวิธีคิดที่ทำให้สะกดคำถูกอยู่ คือเราออกเสียงตามที่เราเห็นเลย มันช่วยเรื่องการสะกดคำของอั๋นได้หน่อยนึง ได้เคล็ดลับนี้มาจากตอนเรียนภาษาสเปน กับเยอรมัน (แต่ภาษาเยอรมัน ก็ยังสะกดไม่ถูก) คืออย่างน้อย ตอนนี้อั๋นสะกดคำพวกนี้ถูกแล้ว
temperature: เทม เพอ รา ทัวร์
museum: มิวซิอุ้ม
Wednesday: เวนเนสเดย์ (คือได้ยินเพื่อนคนอินโดพูด หลังจากนั้น เราสะกดคำนี้ถูกตลอดเลย)

สุดท้ายก็โทษเรื่องความผิดปกติของร่างกาย
บอกตรงๆว่ามันเป็นปมด้อยของชีวิตผู้รักการเล่นดนตรีของเรามากๆ เห็นเพื่อนฝึกเปียโนทีหลังแล้วเค้าเล่นได้ดีกว่าแล้วแอบอิจฉา นี้ถ้าเล่นเปียโน อั๋นจะไม่ดูโน้ตนะ จะจำเอา ไม่ก็เขียนคอร์ดเฉยๆ อนาจมากๆเลย เสียใจ ;____; พี่ที่เค้าเป็นผู้ช่วยสอนหรือเพื่อนๆในห้อง เห็นโน้ตปุ๊บแล้วเล่นได้เลย เราเห็นแล้วมันโครตจะเท่เลย ทั้งๆที่เรียนมาด้วยกัน แต่เราดันเป็นคนที่อ่านโน้ตไม่ออก เราเลยคิดว่า เราไม่ผิดนะ เพราะร่างกายเราไม่พร้อมตะหาก เลยไม่สามารถอ่านอะไรได้อย่างนั้น (โครต โทษไปเรื่อยเปื่อยเลย) หรือจริงๆแล้วเราอาจจะไม่ได้มีภาวะ LD ก็ได้ เราแค่ขาดการฝึกฝนเฉยๆ

อาขยานล้านนา

สิบแหลม ซาวแหลม บ่เต้าแหลมใบข้าว …..
(แหลมอะไรสิบอย่างยี่สิบแบบ ก็ไม่เท่าความแหลมใบข้าว บางคนคงนึกไม่ออก ใบข้าวที่แหลมเปี้ยบ [บางทีอาจการเปรียบเทียบต้องมองให้เหมือนว่าเราเป็นคนในยุคเดียวกับคนโบร่ำ โบราณด้วย])

สิบเหล้า ซาวเหล้า บ่เต้าเหล้าเดือนเกี๋ยง ….
(เหล้าตั้งสิบอย่างยี่สิบยี่ห้ออะไรก็อร่อยสู้เหล้าเดือนเกี๋ยงไม่ได้ [เดือนเกี๋ยง คือเดือนตุลาคม นัยว่าข้าวเดือนนี้จะเป็นข้าวใหม่ เหมาะสำหรับทำสุรายิ่งนัก])

สิบเสียง ซาวเสียง บ่เต้าเสียงแมงว้าง…
(เสียงอะไรสิบเสียง ยี่สิบเสียงก็ไม่เท่าเสียงแมงว้าง [ตอนเป็นเด็กเวลาเดินในป่าเสียงส่วนใหญ่จะเป็นเสียงจักจั่น เรไร ที่ดังแต่ได้ยินได้ไม่ค่อยไกล แมงว้าง ที่ว่านี่คงเป็นแมลงที่ร้องได้ดังมากผู้ที่เดินป่าบ่อย ๆ จะได้ยินเสียงแมงที่ว่านี้ เสียงด้ง ว้าง ว้าง ก้องป่าดง]

สิบช้าง ซาวช้าง บ่เท่าช้างเอราวัณ ….
(ช้างใดๆ ในโลกหล้า ฤ จะเทียบได้กับช้างเอราวัณ[ช้างเอราวัณ ในเรื่องรามายณะ และ ความเชื่อของศาสนาฮินดู กล่าวถึงพระอินทร์มีร่างสีเขียว มีพาหนะเป็นช้าง 3 เชือก เชือกหนึ่งพระศิวะเป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า เอราวัณ เชือกหนึ่งพระพรหมป็นผู้ประทานให้ชื่อว่า คีรีเมขล์ไตรดายุค และอีกเชือกหนึ่งพระวิษณุเป็นผู้ ประทานให้ชื่อว่า เอกทันต์ ช้างเอราวัณเป็นช้างที่มีพละกำลังมากที่สุดในหมู่ ช้างทั้ง 3 เชือก])

อายุสิบปี๋ อาบน้ำบ่หนาว ….
(คนอายุสิบขวบ จะมีแต่ความสนุกสนาน ไม่รู้ร้อน รู้หนาว บางคนนึกไม่ออกว่าความหนาวทางภาคเหนือเป็นอย่างไร รู้สึกว่าหน้าหนาวนี่ 6-7 องศาเป็นเรื่องปกติคนอาบน้ำต้องอาบแต่หัววัน และบางที่ต้องต้มน้ำอาบด้วย แต่เด็ก น้อยไม่ต้อง อาบด้วยความสนุกสนาน ไม่รู้สึกรู้สา หรอก)

อายุซาวปี แอ่วสาวบ่ก้าย ….
(แอ่ว = เที่ยว , ก้าย = เบื่อ ประเพนีทางภาคเหนืออย่างหนึ่งที่ทุกวันนี้แทบจะหาไม่เจอก็คือประเพนีแอ่วสาว หรือการไปจีบสาวถึงบ้านหญิง คือพอตกกลางคืนชายวัยรุ่นจากต่างหมู่บ้านกัน จะไปแอ่วสาวที่หมู่บ้านไกล้ ๆ ด้วยการเดินหรือปั่นจักรยาน มองเห็นทางได้ด้วยไต้ส่องไฟ ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกลางวันอย่างไร ตกกลางคืนก็ต้องไปแอ่วสาวให้ได้ พอไปถึงบ้านหญิงที่ตนหมายตาก็จะขึ้นไปทักทายพูดคุยหยอกล้อ บางทีมีการว่ากลอนด้วยนะ หากว่าพ่อแม่ผู้หญิงยังไม่รู้จักก็จะนั่งอยู่ด้วย พูดคุยกันไปโดยอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด บางที่พ่อแม่ผู้หญิงชอบว่าที่ลูกเขย ก็อาจจะเปิดโอกาสให้อยู่กันสองคนแต่ว่าแอบฟังอยู่ในห้อง ดังนั้นการแอ่วสาว บ่ ก้าย ก็คือ ลำบากยังไง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหรือรู้สึกถึงความยาก)

สามสิบปี บ่หน่ายสงสาร ….
(พออายุสามสิบปี ความเจนในโลกก็จะเพิ่มพูน อยากกินอยากเที่ยว คนสมัยแต่ก่อนก็ดำรงชีวิตด้วยความไกล้ชิดธรรมชาติ การล่าสัตว์ การไปนอนค้างตามป่าเขา ทำให้เพลิดเพลิน การมีครอบครัว การเลี้ยงดูลูกน้อย ที่อยู่ในวัยกำลังกิน นอนที่เป็นผลิตผลจาก แอ่วสาวบ่ก้าย)

สี่สิบปี ยะก๋านเหมือนฟ้าผ่า ….
(สีสิบขวบ วัยทำงาน เหมือนฝรั่งว่า อายุเริ่มต้นตอนสี่สิบ ที่ต้องทำงานเหมือนฟ้าผ่า คือการทำไร่นาไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเพื่อครอบครัวและคนกินมากใช้มากต้องรีบทำ งานให้เร็วเพื่อให้พออยู่พอกิน)

อายุห้าสิบปี สาวด่าบ่เจ็บใจ ….
(ห้าสิบขวบ ใจเย็นถึงขนาดผู้หญิงด่าไม่เจ็บใจ สุขุม รอบคอบ แต่ในใจนั้นยังไงก็ไม่รู้นะ เริ่มเป็นประเภทป๋า กุ้มกลิ่มกับสาว)

หกสิบปี ไอเหมือนฟานโขก …..
(หกสิบขวบ เริ่มมีโรคร้ายรุมเร้า ไอเหมือนฟานโขก น่าจะเกียวกับว่า ตัวฟานคืออีเก้ง เวลามันโขก หรือร้องเรียกกันในป่าจะดังไปสามบ้าน แปดบ้าน ดังโค้ง โค้ง)

เจ็ดสิบปี บ่โหกเต๋มตัว ….
(เจ็ดสิบขวบ ก็เริ่มมีอาการแล้ว บ่โหก เป็นเม็ด – ตุ่ม – ฯลฯ ที่คนแก่มีกัน ที่เหมือนกับผิวหนังตกกระแห้งเหี่ยว มะโหก : ฝีหรือริดสีดวง)

แปดสิบปี ใค่หัวเหมือนไห้ …
(แปดสิบขวบแล้ว แก่ขนาดแม้ว่าใค่หัว : หัวเราะ ยังเหมือนเหมือนร้องไห้ เห็นได้เวลาปู่เย็นหัวเราะ)

อายุเก้าสิบปี ไข้ก่อต๋าย บ่ไข้ก่อต๋าย …
(อายุปูนนี้ จะเจ็บไข้หรือไม่เจ็บไข้ ก็ใกล้จะลงโลงแล้ว)

จะเอาอันใด ไปบ่ได้สักอย่าง …
(สุดท้ายแล้วก็เอาอะไรติดตัวไปได้บ้างเล่า)

บ่สว่ะ บ่วาง บ่หายหม่นเศร้า …
(หากไม่ปล่อยวาง ก็จะมีแต่ความทุกข์และความโศกเศร้ารุมเร้า)

กำบ่เก่า เล่าไว้มาเมิน … เลยวาง …
(คนโบราณเค้าเล่ามาอย่างนี้ตั้งนมนานแล้ว . . . ก็เลยต้องปลงอนิจจัง ปล่อยวาง)

credit: http://www.zone-it.com/stocks/data/14/148808.html