ปีนยอดเขาเอลฟ์ ไปตามล่าหาปราสาทดิสนีย์

สวัสดีค่ะ เฟสบุ๊คตอนนี้ ชอบเอาแบบ วันนี้เมื่อปีก่อนๆ มารวบรวมให้ดู ทำให้อั๋นรู้ว่า เมื่อหกปีที่แล้ว อั๋นกำลังเริงร่า อยู่ที่เยอรมันสมัยเปิดซิงบินเดี่ยวครั้งแรก วันก่อนกลับ เป็นทริปที่สุดยอดมาก สูงที่สุด เหนื่อยที่สุด หนาวที่สุด เมาที่สุด (จริงๆก็ไม่หรอก แต่มันก็ฮาดี) นั้นคือ ทริปไปปีนยอดเขาเอลฟ์ และไปเที่ยวปราสาท Neuschwanstein  ค่ะ ไปตามรอยปราสาทดิสนีย์ ทริปนี้เป็นทริปสุดท้ายก่อนอั๋นจะต้องกลับไทย เพราะอยู่เยอรมันครบกำหนดฝึกงานแล้ว ตอนนั้นไม่อยากกลับแล้ว กำลังสนุก เพื่อนอย่างเยอะ

เริ่มต้นตอนเช้า(มาก) เราไปขึ้นรถไฟไปที่ปราสาทค่ะ พอไปถึงก็เตรียมตัวเดินกันเลย

DSC04329

เห็นลิบๆนั้นแหล่ะ เป้าหมายพรุ่งนี้

DSC04327.JPG

เพื่อนๆผู้ชายของเยอะกันสุดๆ เรากระเป๋าใบนิดเดียว แต่ว่าเป็นผู้หญิงอ่อนแอไง ตอนนั้นยังไม่เป็นป้าฟิตเนส เป็นแค่เด็กไทยตัวดำๆตัวเล็กๆ (ตอนนั้นยังไม่ตัวใหญ่ขนาดนี้) เดินขึ้นเขาที่เค้าว่าสูงสุดๆ ก็เหนื่อยเป็นธรรมดา ก็แวะพักตามทาง พยายามทำตัวไม่เหนื่อยนะ กระเป๋าก็หิ้วตามสภาพตัวเองจะรับได้

47719_469043148627_753963627_6735170_3938624_n

พอไปถึงห้องพักค่ะ ไม่มีที่อาบน้ำ น้ำก็เย้นนนนนเย็น แต่ว่า อิชั้นก็ไม่อาบหรอกนะ ล้างหน้าแปรงฟัน นอนได้เลย คืนนั้นเรามีปาร์ตี้กัน

ปาร์ตี้ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ เล่นไพ่ เปิดเหล้าอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย แต่มีเกมในวงเหล้า คืออั๋นก็รายละเอียดเกมได้ไม่มาก แต่เกมประมาณว่า ให้เราตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนทาย เสร็จแล้วก็ให้เค้าไปรอข้างนอกแล้ว คนที่เหลือก็ตัดสินใจกันว่า เลือกมาหนึ่งคนเพื่อให้คนทายทายให้ได้ว่า คนในกลุ่มเลือกใครสำหรับตานั้น แล้วคนที่ทายจะถามว่า คนนี้ลักษณะเป็นแบบนี้มั้ย ถ้าใช่ คนในกลุ่มก็จะสลับที่นั่งกันถ้าไม่ใช่ก็ทายใหม่ จนกว่าจะทายถูก ประมาณนี้มั้ง แต่จำได้เลยว่า คนเยอรมันคนนึงเก่งมากๆ หลังจากดึกได้ที่ เราก็ไปยอดเขากัน เมากันสุดๆ เห็นรูปแล้วตลกดี

40726_1593457847182_1558015533_31397594_246061_n

หมดคืนแรกไป แยกย้ายกันไปนอนค่ะ เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้อง แทรกกิ้งกันต่อ คือวันแรก เดินขึ้นเขา อีกวันก็ต้อง เดินลงเขาค่ะ

dsc04336

นี่วิวตอนเช้าก่อนออกเดินทาง และเป้าหมายของเราในวันนี้ก็คือ ปราสาท Neuschwanstein ค่ะ

ทางเดินลงเขา อย่านึกว่าจะสบายนะคะ จริงๆความชันขนาดนั้น การเดินลงเขายากกว่าเห็นๆ จริงๆพอจะจำได้ว่า มีเพื่อนคนกาน่า เค้าใส่รองเท้าแบบไม่ใช่รองเท้าผ้าใบอ่ะ แต่ก็ยังเดินได้สบายเลย นี้ใส่ผ้าใบนะ แต่รู้สึกนิ้วโป้งที่เท้าแทบจะไม่ไหว แต่ถึงจะเดินยาก มันก็ไม่ได้เหนื่อยเหมือนเดินขึ้นเขานะ ระหว่างทางก็มีน้ำตกให้ดู แต่ลงไม่ได้ค่ะ หนาว แต่ฝรั่งก็ลงไปเดินกันหน้าตาเฉย แล้วก็ ที่นี่มีให้วางหินแบบหาดหินงามที่หลีเป๊ะด้วยนะ คนเอามาเรียงกันเต็มเลย

DSC04395.JPG

ใกล้ถึงรึยางงงง

40726_1593457807181_1558015533_31397593_1382113_n.jpg

ถ้าเราใกล้จะถึงแล้ว เราจะสามารถเห็นปราสาทได้จากสะพาน Marienbrucke ค่ะ

dsc04362

ซึ่งบนสะพานนี้ก็จะเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการถ่ายรูปปราสาทนั้นเอง

DSC04378.JPG

เท่ป่ะหล่ะ

dsc04382

จากนั้น จากสะพานเราก็เดินต่อไปที่ปราสาท ซึ่งข้างในเค้าไม่ให้ถ่ายรูปค่ะ แต่จริงๆแล้วแอบคิดว่า ที่ไม่ให้ถ่าย คือ กลัวเค้ารู้ว่าข้างในไม่มีอะไรรึเปล่า ฮะๆๆ

DSC04330.JPG

แล้วก็จบทริปตามล่าหาปราสาทดิสนีย์แต่เพียงเท่านี้ จริงๆน่าจะเรียกทริปแทรกกิ้งส่งท้ายก่อนกลับไทยมากกว่า ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนมาก ทริปสนุกจริงๆ จำเหตุการณ์ได้ไม่ค่อยชัดเจน แต่จำความรู้สึกมีความสุขได้ เมาโวยวาย จนต้องมานั่งกันในตู้เก็บจักรยาน

59089_469042668627_753963627_6735155_3796088_n.jpg

จริงๆบล๊อคนี้ เขียนดราฟไว้นานแล้ว ผ่านมาหลายปี ว่างๆ (จริงๆก็ไม่ว่าง) เลยมาเขียนต่อให้เสร็จ
รูปทั้งหมด ที่พอจะกู้ได้: https://goo.gl/photos/Fgz7hYLXQsA6yip36

สุดท้าย: จริงๆที่จำไม่ค่อยได้ ไม่รู้เพราะว่าดื่มส่งท้ายเยอะไปแล้วเมา หรือรถไฟมันโคลงจนเมาก็ไม่รู้
แต่ที่แน่ๆ รูปนี้ใช่มาก

DSC04431.JPG

Little again at Miniature Town

สวัสดีค่ะ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อั๋นกับเพื่อนได้ไปเที่ยวเมืองจำลอง ย่อเหลือแค่  1 ส่วน 87 เลยนะคะ ดูสนุกเพลินมากๆเลยค่ะ งานมีชื่อว่า Stanley MiniVenture- The largest 1:87 Miniature town in Thailand จัดที่เกตเวย์ เอกมัยชั้นสองค่ะ ราคาตั๋วปกติ คนละ 650 บาท แต่พอดีไปช่วงนี้ มีโปรโมชั่นวาเลนไทน์พอดี ก็เป็นมาหนึ่ง ฟรีอีกหนึ่งค่ะ

ที่เมืองจำลองนี้ ก็จัดเป็นเรื่องราวของเด็กชื่อ สแตนลีย์ เป็นตัวเดินเรื่อง เริ่มจากเหมืองและโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าไปสู่ชุมชน ปศุสัตว์ บ้านเมืองในชนบท ร้านค้าสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ไปจนถึง สนามบิน ท่าเรือ หรือแม้กระทั้งเมืองหลวงเลยค่ะ คิดว่ารูปคงมีเวปอื่นใส่ไว้เยอะแล้ว ขอเล่ามุมน่ารักๆ ที่ไปเจอมาก็แล้วกันนะคะ
ที่อั๋นชอบมากๆเลยหลักๆเลยก็คือ เมืองนี้ มีรถไฟวิ่งทั่วทั้งเมืองเลยค่ะ ตั้งแต่เหมือง วิ่งเข้าป่า ยันเมืองหลวง นี้ความฝันวัยเด็กของอั๋น นอกจากบ้านบอลแล้ว ก็มีรถไฟ และรางรถไฟยาวๆ เยอะๆ นี้แหล่ะค่ะ ตอนเด็กๆบ้านไม่มี เห็นแล้วก็คิดถึงสมัยเด็ก อยากได้บ้าง


เมืองนี้เค้าแอบน่ารักนะคะ บางทีก็แอบมีเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ ให้มนุษย์ตัวจิ๋วมาแสดงให้เราดู อย่างอันนี้ เค้าก็กำลังจะถ่ายหนังกันแน่ๆ มีคนกำลังแสดงการไต่เชือกอยู่ แล้วอีกข้างก็มีคนกำลังลุ้นน่าดู

ซานตาคลอสก็มานะ

จะตบกันแล้วค่ะ

มีมาเฟียด้วย โดนตัดนิ้วแน่นแน่

อยากโรดทริป แล้วตั้งเต้นท์แบบนี้บ้าง

มีตึกถล่ม เอ… หรือว่าเค้าทุบตึกน้า..

ตึกนี้ก็ไฟไหม้อีก

แล้วที่ตกใจคือ ตอนแรกนึกว่าเป็นโมเดลของพวกอเมริกานะ เดินไปเดินมา ไปเจอร้านขายของของเยอรมันเฉยเลย คือ เห็นร้านนี้แล้วนึกถึงสมัยที่นั่งรถไปหาเพื่อนที่เดรสเด้น แล้วซุปเปอร์มาร์เก็ต edeka คือความเจริญหนึ่งเดียวแถวๆนั้น

แต่เดินไปเรื่อยๆ อ้าว เจอร้านอเมริกาอีก เออ เมืองนี้ หลากหลายดีเนอะ

หลากหลายแบบ ขนาดมังกร หรือมนุษย์ต่างดาวก็ยังมีให้เห็นเลย

นอกจากมนุษย์จิ๋วแล้ว สัตว์จิ๋วก็มีนะคะ อันนี้เป็นปศุสัตว์

กวิ้นน่าร้ากกก เดินกันเป็นแถวเลย

แล้วก็มีหมีกำลังจะตีกันล้าวววว โฮกกกก

เมืองก็เล็กแต่แน่นไปด้วยเรื่องราวจริงๆค่ะ แล้วก็มีแถม bonus table ชื่อว่า Very Thai คือ…ตอนนี้ยังไม่เสร็จ แต่ว่า แค่เห็นก็ Very Thai แล้ว เพราะเดินมาจนเกือบสุดเมือง โต๊ะนี้เป็นโต๊ะเดียวที่สายไฟโยงเต็มไปหมด แถมมีถังขยะที่ขยะล้นมาอีก นี้ไม่รู้ประชดหรือว่าอะไร เลยทำส่วนนี้ก่อน เออ เฟรี่ไทยจริงๆ

สุดท้าย เค้ามีให้เพนท์ตุ๊กตาคนด้วยนะ แต่ว่า ขี้เกียจระบาย เอามาถ่ายรูปสวยๆก็พอ
เป็นคนติสต์ๆ

ทดลองวิ่งฮาร์ฟมาราธอน

อาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ ป้าได้เกิดใหม่ในการวิ่งระดับ ฮาร์ฟมาราธอนแล้ว ป้าวิ่ง 21 กิโลจบแบบเจ็บเล็กน้อยค่ะ

มันเกิดขึ้นได้ยังไง คือ เมื่อตอนกลางๆปี เพื่อนคนจันทบุรี @Dragonoss ชวนเพื่อนๆไปวิ่งมาราธอนกัน หลายคนก็สนใจค่ะ ถือว่าไปเที่ยวกัน แล้วก็ท่านประธาน @scomma ค่ะ บอกว่าจะลง 21 กิโลเมตร แล้วก็ชวนป้าลง ป้าก็บอกว่า ถ้าป๊อบลง เราก็ลง เค้าก็ลง 21 กิโลเมตรค่ะ เราก็… เฮ้ย แม่งลงจริงหว่ะ ประกอบกับ พี่ที่รู้จักที่เป็นคนจันทบุรี ชื่อพี่ทัน ก็บอกว่า เค้าก็จะลงนะ แต่เค้าจะลง Full Marathon เลย ครั้งแรกของเค้าด้วย พอดีจัดที่บ้านเกิด เลยจะเปิดซิงที่นี่เลย น้องอั๋นลงซิ ไหนๆก็วิ่ง 10 กิโลเมตรมาหลายงานแล้ว พอมีคนยุแบบนี้ ก็เลยตัดสินใจลง 21 กิโลเมตรเลยค่ะ เปิดซิง Half Marathon

จำไม่ได้ว่าสมัครเมื่อเดือนไหนนะ แต่ว่าก็ไม่ได้วิ่งเลย ได้แต่เข้าคลาสเต้น ช่วงนั้นก็ ไปบ้างไม่ไปบ้าง เพราะเที่ยวตลอด ชั่วโมง สองชั่วโมง ตามประสาป้าฟิตเนส พอเมื่อเดือนสิงหาคม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อั๋นมีงานวิ่ง Human Run ของนิตยสาร A Day น่ะค่ะ คือ จริงๆจำไม่ได้ด้วยว่าตัวเองสมัครไว้… เหมือนจะสมัครวิ่งงานอื่นด้วย แล้วก็ขาย BIB ไป งานนี้จริงๆก็อยากขาย BIB ต่อมาก แต่ก็คิดว่า เออ… เดี๋ยวมีงานใหญ่รออยู่ ถือว่าซ้อมวิ่งก็แล้วกัน ไม่ได้วิ่งนาน

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เหนื่อยม้ากกกกก จุกตั้งแต่กิโลเมตรที่สอง วิ่งได้ ไม่ให้ Pace มากกว่า 8 Min/km. ก็แย่แล้ว คือเดินตั้งแต่ กิโลเมตรที่ 4 กันเลยทีเดียว จากที่เคยวิ่ง สิบโล ประมาณชั่วโมงนิดๆ รอบนี้ซัดไป เกือบชั่วโมงยี่สิบ Pace ไม่แตะแปด ก็บุญแล้ว อะไรงี้ ทั้งๆที่เมื่อสองเดือนก่อน ทำได้เฉลี่ยแค่ 7.09 min/km เอง

screen-shot-2016-11-22-at-10-35-20-pm

Pace เฉลี่ย เกือบแตะ แปดละ แต่จริงๆก็ หลังๆก็เดินซะมากกว่า

screen-shot-2016-11-22-at-10-36-42-pm

เออ เดินตั้งแต่กิโลเมตรที่สี่ เพิ่งจะวิ่งก็ตอนใกล้ๆจะจบ

พอรู้ตัวว่าวิ่งแย่มาก งานนี้  พี่ทันบอกว่า เดี๋ยวเจอกันที่งานจันทบุรี ลงฮาร์ฟ ถ้าซ้อมก็ให้วิ่งต่อกันซักสองชั่วโมงได้ก็โอเคแล้ว ก็เลยซ้อมวิ่งเรื่อยๆ แต่ครั้งละไม่เกินหนึ่งชั่วโมงแหล่ะ จริงๆก็ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ เอาเวลาไปเข้าคลาสหมด พอจะมาวิ่งก็ดึกแล้ว แถมบางวัน เข้าคลาสหนักมาก ขาไม่แรงซะงั้น แต่ก็วิ่งเรื่อยๆแหล่ะ ให้ชินกับความเหนื่อย

เอาจริงๆ พอวันงานจริงใกล้จะถึง ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิด ก็ทำให้กิจกรรมโดนเลื่อนออกไป ที่แย่ก็คือ เลื่อนไปตรงกับที่ท่านประธานมีนัดไปเที่ยวซะแล้ว อ่าว กูวิ่ง 21 กิโลฯ คนเดียว… แต่ก็ค่อยโล่งใจ ที่มีคนเปิดซิง 21 กิโลเมตรเหมือนกัน คุณภัท @foamschool ก็ลงวิ่ง 21 กิโลเมตรด้วย เย้ๆ คือมีคนวิ่งระยะเดียวกันก็ดีคือ จะไปถึงสนามพร้อมกัน แล้วก็เสร็จเวลาน่าจะพอๆกัน เพราะว่าคนอื่นลงวิ่ง 10 กิโลกันทั้งนั้น ทีมวิ่ง 10 กิโลเมตรก็มี @officialyui, @natthaof แล้วก็ @obdae เยี่ยมเลย

นี่คือระยะที่วิ่งค่ะ จะเห็นว่า ช่วงกลางๆ กิโลเมตรที่ 8-14 จะชันเลย วิ่งขึ้นเขาค่ะคุณณณณณ เนินอย่างโหด เขาเจ้าหลาว วิ่งต่อไป จะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี สวยมาก แผนที่ทำดีนะคะ บอกระดับความชันของสนามวิ่งด้วย

csm_route_21_030916-1.jpg

เราก็ออกจากที่พักตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เริ่มวิ่งตีห้า ตื่นเต้นมาก คือก็กะว่ายี่สิบเอ็ดกิโล ก็น่าจะไม่ให้ pace เกิน 8 min/km ก็ได้ มันวิ่งยาว เก็บแรงหน่อย นี่ครั้งแรก ซักสามชั่วโมงก็ได้ ระยะ half marathon มีผู้เข้าร่วมประมาณพันห้าร้อยคน เฮ้ยเยอะหว่ะ สิบกิโล อีสทูเมนสตีมแล้วใช่มั้ย

P_20161120_044854.jpg

เราวิ่งเลียบถนนหาดเจ้าหลาว ช่วงที่เป็นหาดคือ สวยมาก แถมเป็นช่วงพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นนะ โอ้ย สวย แต่ไม่ค่อยได้เก็บภาพหรอก เขาเจ้าหลาวคือเนินโหดดี วิ่งมาหลายงาน เนินที่นี่ชันสุด วิ่งขึ้นไม่ไหว ต้องเดินเอาแหล่ะ

img_20161120_060623

P_20161120_064453.jpg

เราได้ถ่ายภาพอีกทีก็ตอนถึงสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี หลังจากผ่านเขาเจ้าหลาวแล้ว ตรงนั้นจะเป็นช่วงกลับตัวพอดี เราไปถึงก็ประมาณหกโมง ยังไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ เห็นได้จาก ไฟถนนยังเปิดอยู่เลย เห็นตรงนี้แล้วก็ชื่นใจ เอร้ยยยยย ครึ่งทางล้าวววว ชั้นใช้เวลาชั่วโมงเดียวเอง เก่งมากเจ้าอั๋น

Jpeg

P_20161120_061815.jpg

จริงๆตอนวิ่ง เตรียมเพลงคลาส BodyJam ไว้ เปิดสองคลาสก็น่าจะใช้เวลาที่สองชั่วโมงครึ่ง หมดเพลงคลาส BodyJam ไปสองคลาส ยังไม่ถึงเส้นชัย เหนื่อยก็เหนื่อย ช่วงกิโลเมตรที่ 18-20 ก็เดินๆวิ่งๆ เล่นเฟสบุ๊คบ้าง พอดีเห็นเพื่อนที่วิ่ง ห้ากิโลเมตร บอกว่าเข้าเส้นชัยแล้ว พวกที่วิ่ง 21 ก็ทะยอยเข้าเส้นชัยกันแล้ว อีนี่เหลืออีกประมาณสองกิโล เอาวะ รวบรวมกำลังชุดสุดท้าย วิ่งๆ สุดท้ายก็จบจนได้ รู้สึกดีใจ เกิดใหม่ในระยะนี้

https://plus.google.com/u/1/+PatamaRamchune/posts/dN9T7HoaKhV

ไปๆมาๆ ก็วิ่งเรื่อยๆ ได้ pace 6 กว่าๆ ถึง 7 ต้นๆเองนะ มีบางช่วงที่เริ่มเหนื่อยบ้าง pace ถึง 9 เลยก็มี แต่ว่า เฉลี่ยแล้วก็ยังออกมาดีอยู่ แถมทำเวลาไม่เกินสามชั่วโมงด้วย นี่ครั้งแรกที่เราวิ่ง Half Marathon เลยนะ ไม่เหนื่อยเท่าที่คิด อาจจะเพราะ เราซ้อมวิ่งเรื่อยๆ แล้วก็ออกกำลังกายตลอด BodyStep คงมีส่วน ไว้รอบหน้า จะจบแบบไม่เจ็บ ขอซักสองชั่วโมงครึ่งก็แล้วกันนะ นี่ First finisher T-shirt เลยนะคะเนี้ย เราพอรู้มาอีกว่า คนที่วิ่ง Full Marathon เสร็จ เสื้อจะมีชื่อพิมพ์ไว้ด้วยนะ เท่มาก แต่คงไม่ไหว

Jpeg

ที่เจ๋งคือ เหรียญสวยมาก ประทับใจ คือเป็นรูปพะยูน แล้วก็มีพลอยประดับไว้ด้วย สำหรับคนที่วิ่งมาราธอน จะได้เป็นเพชรประดับที่เหรียญแหล่ะ

Jpeg

แต่วิ่งเสร็จนี่ ตายเลย ปวดหัว ปวดขา ปวดหลัง หลับไปยาวๆเลย เช้านั้น วันจันทร์น่ะหรอ… ลาป่วยค่ะ ซัดยาแก้ไข้ไปสองเม็ด หลับทั้งเช้าเลย แต่ถ้าจะลงรายการวิ่งอีก ก็คงไม่กลับไป มินิฮาร์ฟมาราธอนแล้วแหล่ะ เพราะว่า ป้าเกิดใหม่กับระยะ Half Marathon แล้ว อิอิ

สรุปสถิติค่ะ! ถึงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่า ก็ไม่เลวสำหรับครั้งแรกนะ ครั้งต่อไป ไม่มีเจ็บค่ะ เห็น split มั้ยคะ นี่วิ่งหกเลยนะคะ ฟิตป่ะหล่ะ อ๋อ…ช่วงนั้นเป็นทางลงเขา ฮะๆๆๆscreen-shot-2016-11-22-at-11-26-35-pmscreen-shot-2016-11-22-at-11-27-12-pm

screen-shot-2016-11-22-at-11-29-57-pmscreen-shot-2016-11-22-at-11-30-08-pm

สุดท้ายตามเคย รูปของทริปนี้ ไม่เกี่ยวกะรูปวิ่ง
แต่นี่คือสภาพตอนตื่นหลังจากหลับเป็นตาย
จากการวิ่งอันหนักหน่วง
ไม่รู้ซิ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้เลย ทริปนี้ พอก็รู้ข่าวดี ก็สวยเลย

Jpeg
มอนิ่งนะคะ

ทดลองเรียนดำน้ำ

พอดีเมื่อวาน เพิ่งได้บัตรดำน้ำ ระดับ open water มาค่ะ เลยอยากจะเล่าเรื่องที่อั๋นได้ไปทดลองเป็นนักดำน้ำที่เกาะเต่าดูค่ะ

P_20161005_235807_1.jpg

เดือนก่อนค่ะ อยู่ๆอั๋นก็ตัดสินใจว่า เฮ้ย พี่ว่าจะไปดำน้ำสิ้นเดือนนี้แหล่ะ ว่าแล้วก็จัดแจงจองคอร์ส จองรถ ขอวันลา โดยที่ลืมไปอีก ว่าทับกับงานวิ่งที่ตั้งใจลงวิ่ง แบบรอกดจองตั้งแต่หน้าเวปยังไม่เปิด… ลืมได้ไง แต่ก็…นะ ก็ขาย Bib ให้คนอื่นไป แล้วก็ไปดำน้ำ สบายใจเฉิบ

ยังไงก็แล้วแต่ เราก็พาตัวเองไปเกาะเต่าคนเดียวจนได้ แค่เริ่มทริปก็ป่วนแล้ว แต่ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของท่าเรือลมพระยามากๆ ไม่งั้น คงไม่ได้ไปแล้ว รอบหน้าไม่พลาดดดด

เราเริ่มเดินทางจากออกจากกรุงเทพประมาณสี่ห้าทุ่มจากท่ารถของบริษัทลมพระยา ขึ้นที่บางลำพูค่ะ รถยิงยาวไปถึงท่าเรือที่ชุมพรค่ะ ตรงนี้ก็พักล้างหน้าล้างตา เราก็พักเปลี่ยนชุดจากชุดนอนบนรถทัวร์เป็นชุดเตรียมเที่ยวทะเลละ

P_20160820_060618.jpg

P_20160820_071014 (1).jpg

แล้วจากท่าเรือ ก็ขึ้นเรือเฟอรี่ที่นั้น ยาวๆไปเกาะเต่าเลย กว่าจะถึงก็ซักสายๆแล้ว จริงๆนะ แค่เห็นทะเล ก็รู้สึกสดชื่นแล้ว ดีใจที่ได้มา

P_20160820_094811.jpg

อั๋นเรียนดำน้ำที่ Ban’s Diving Resort ค่ะ คนที่ทำงานเรียนที่นี่กันหลายคน เลยยุให้เรามาเรียนด้วย มาถึงก็เค้าก็ต้อนรับดี มีรถมารับจากท่าเรือ ไปส่งที่รีสอร์ตเลย ที่พักสวยดี

P_20160820_101102.jpg

P_20160820_101115.jpg

คอร์สดำน้ำที่เราเรียนเป็นคอร์ส Open water ค่ะ จะอนุญาติให้คนที่มีบัตรอนุญาตินี้ ดำได้ลึก 18 เมตร มีที่พักฟรีให้แต่เป็นห้องพัดลม (แต่รู้มาว่า ถ้ามาหลายคน เค้าอัพเกรดให้นะ) ห้องก็โอเคอยู่นะ ไม่ต้องใช้แอร์ก็ได้ อากาศดี เก็บของอะไรเสร็จ เราก็ไปนอนพักริมทะเล พอเพลียๆแดดก็มานอนพักในห้อง… หลักๆวันนั้นก็นอนแหล่ะ ดี๊ดี พักผ่อน พอเย็นๆเค้าก็นัดมาคุยเรื่องหลักสูตร กับนัดหมายเวลา

หลักสูตรวันแรกเค้าให้เราเอาหนังสือไปอ่าน แล้วก็ดูวิดีโอไปค่ะ ก็ดูไปจนจบแหล่ะ แต่รู้เรื่องบ้าง หลุดบ้าง จับโปเกม่อนบ้าง ก็คืนนั้นก็หลักๆก็ดูวิดีโอ กับ ทำแบบฝึกหัดแหล่ะค่ะ

P_20160820_171817.jpg

ตอนเช้า ครูสอนดำน้ำก็จะมา re-cap วิดีโอที่ดูเมื่อคืน หลักๆก็เป็นความรู้เรื่องความดันเวลาเราลงไปในน้ำ และความปลอดภัย หมดคาบรู้สึกจะรู้อะไรเกี่ยวกับการคำนวนความดัน และอวัยวะในร่างกายเยอะขึ้นนิดนึง น้องสอนสนุกดีนะ แถมวิวที่เรียนก็ดีมากๆด้วย กรี๊ด

P_20160821_120824.jpg

ตอนบ่ายนั้น เราก็ไปเรียนดำน้ำกันในสระค่ะ ตอนนี้ครูเค้าจะสอนสกีลต่างๆที่ต้องมี เช่น นัดแนะสัญญาณมือ การใช้อุปกรณ์ต่างๆ การเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะกับตัวเอง การหายใจผ่านเรกกูเลเตอร์ การใช้อัลทิเนตซอร์ส การเคลียร์หน้ากาก การแก้ปัญหาเมื่อมีอุปกรณ์หลุดจากร่างกาย การรักษาระดับการลอยตัว อะไรแบบนี้ (คือตอนนี้ก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วว่ามีสกีลอะไรบ้าง) ที่เจ๋งก็คือ เค้ามีแว่นตาดำน้ำสำหรับคนสายตาสั้นด้วย ก็ดีเลย คิดว่า ถ้าจะถอย gear อะไรสำหรับดำน้ำเป็นอันแรก น่าจะเป็นแว่นตาดำน้ำนี้แหล่ะ

P_20160820_102137.jpg

P_20160821_164258.jpg

ไดฟ์แรกก็รักเลย แต่วันนั้นเราใส่ wet suite แขนสั้น ถอดเสื้อมานี้ แขนสองสีเลย เลยบอกครูสอนดำน้ำว่า เออ พรุ่งนี้พี่ไม่ใส่ wet suite แล้วนะ ไดฟ์หลังๆเลยใส่แต่แขนกุด แขนจะได้ดำเสมอกัน ฮะๆๆ แล้วก็ หมดไปสำหรับวันแรก เริ่มคุ้นกับการว่ายน้ำ และ ดำน้ำแล้ว เราก็ไปพักผ่อน สวยๆ ไล่กินจินโทนิกตั้งแต่ต้นหาดมาเรื่อยๆเลย มีร้านนึงลดราคาให้ด้วย ดีงาม กลับบ้านหลับสบาย

ตามหลักสูตร วันที่สาม กับ วันที่สี่ ก็จะดำน้ำวันละสองไดฟ์ วันที่สามนี้ เราก็จัดไดฟ์เช้าเลย มาแต่เช้า ก็จะดำน้ำจริงๆในทะเลแล้ว คือแบบ ตื่นเต้นมากกกก แล้วเราก็ต้องสอบสกีลที่ได้ซ้อมๆกันไปในสระ ครูสอนก็ฟิตมาก สองไดฟ์ก็สอบไปจนเกือบหมดแล้ว ตอนบ่ายก็เป็นการสอบ จริงๆก็ไม่ได้ยากนะ ใครก็สอบผ่านแหล่ะ วันที่สาม เราก็สอบข้อเขียนผ่านกันทุกคน เย้

ต่อด้วยวันที่สี่ ก็จะเป็นการลงน้ำลึกที่สุดเท่าที่ระดับ open water จะให้ดำแล้ว ก็คือ 18 เมตร รอบนี้ ลงลึกมาก เราปวดหูมากๆ กว่าจะลงได้ ก็ซักพักเหมือนกัน แล้วก็จะมีสอบการใช้ dive computer และ เข็มทิศด้วย สนุกดี เป็นการไขข้อสงสัยว่า ทำไมครูสอนดำน้ำ ดำนำเราไปแล้วพากลับมาที่เดิมได้ แล้วก็มีการทำ safety stop แล้วก็ การขึ้นจากน้ำในรูปแบบต่างๆ แล้วครบสี่ไดฟ์ เราก็สอบสกีลครบทุกอัน เย้ๆๆๆ

เป็นการดำน้ำครั้งแรกที่สนุกมาก ครูที่สอนดำน้ำคนนี้ชื่อ น้องเพชร สอนสนุกมาก กวนดี ดูแลเราอย่างดี เพราะไดฟ์สุดท้าย เราเมาเรือ อ้วกแตกค่ะ น้องก็หาน้ำ เก็บของให้ อืออ ขอบคุณ ขอบคุณพี่หนิงด้วย มาเจอกันที่นี่ ดูแลถามไถ่เราตลอด ขอบคุณค่ะ เออ นี่คลาสไพรเวทนะ กลุ่มนี้ มีนักเรียนสองคน ทั้งเรือ มีคนไทยแค่สามคน เท่ปะหล่ะ มีแต่ฝรั่งทั้งลำ

FB_IMG_1471944348421.jpg

พอเรียนจบ ที่โรงเรียนก็ให้ diving log book มา เอาไว้เก็บข้อมูลว่าไปดำที่ไหน กี่ครั้ง ใครเป็น dive master

P_20160823_125746.jpg

สุดท้าย ทริปลุยเดี่ยวที่เกาะเต่าเราประทับใจสุดๆ ทั้งความสวยของทะเล แล้วก็ความเฟรนลี่ของคนที่รีสอร์ตด้วย วันสุดท้าย จำไม่ได้ว่ากิน gin-tonic ไปกี่แก้ว ไอ้ที่เมาเรือไม่รู้ว่าคลื่นแรง หรือว่าเมาเหล้ากันแน่ โดนมอม ฮะๆๆ ถ้าไม่ดราม่ามาก่อนกิน คงไม่กินเยอะขนาดนี้ รอบหน้าต้องไปโดนอีก จะไปเรียน Advance ด้วย แต่คิดว่า advance น่าจะพอแล้วหล่ะ ที่ทำงานมี instructor เยอะแล้ว เดี๋ยวเราไปเรียนเป็นครูสอนโยคะแทน

สุดท้าย หนูชื่ออั๋น อั๋นอวบ น่ะค่ะพี่
(แล้วก็ได้เหล้าฟรีทั้งคืนเลย อิอิ)

P_20160820_140942_BF.jpg

น้องอั๋นสายแดก

บล็อคนี้ไม่มีไรมาก ไปเที่ยวเยาวราชช่วยเทศกาลกินเจกับเพื่อนมา เนื่องจากเพื่อนชวนไปกินน้ำชาไฮโซแถวเยาวราช แล้วบังเอิ้ญญญญ มีเทศกาลเจพอดี เลยได้รูปสวยดี เอามาอวด อวดนางแบบ ไม่ได้อวดสกีลการถ่ายภาพของเพื่อน เอิ้กๆๆ แต่เพื่อนถ่ายสวยดีนะ จริงๆ ใครมีกล้องก็ตามเค้าไปหมดแหล่ะ สปอยอะเลิ๊ดดดด มีแต่รูปอิชั้นนะคะ นางแบบสวยแหล่ะ อวดดดด

DSCF3641.JPG

คนเยอะน่าดู พอเห็นแบบนี้ ก็ตั้งใจไว้ว่า เฮ้ย อยากกินหมี่เจ หว่ะ แกๆ หาหมี่เจกินกันก่อน แล้วเดินไปซักพักก็พบว่า หมี่ที่เราอยากกินซึ่งก็คือหมี่ซั่ว หายากมากๆ มีแต่หมี่กระเฉด มาม่า แล้วก็ยากิโซบะ ทั้งนั้นเลย

DSCF3719.JPG

เอาเถอะ เดินไปเดินมาก็หิว เลยกินกุ้ยช่ายไปก่อน อร่อยดี เราว่า ถ้าที่ไหนทำไม่อร่อย ก็ไม่ต้องทำขายละ เพราะกินที่ไหนก็อร่อย แต่เพื่อนบอกว่า ร้านไม่อร่อยก็มีนะแก แต่ที่แกเคยกิน คิดว่าเค้าคงซื้อแต่เจ้าที่อร่อยๆให้แกกินทั้งนั้นแหล่ะ

DSCF3652.JPG

เดินอีกซักพัก เพื่อนบอก อยากกินขนมจีบ…เออ ขนมจีบเจอ่ะแก คือเป็นไส้ถั่วอ่ะ น้ำจิ้มก็ไม่ใช่น้ำจิ้มเปรี้ยวอ่ะ รสชาติประหลาด บอกไม่ถูก อยากกินขนมจีบหมูมากกว่า

DSCF3678.JPG

แล้ว เมื่อถือเทศกาลเจ จะขาดพวกของทอดได้ไง ชั้นอยากกินเผือกทอดแกร๊… มาร้อนๆเลย อร่อยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม (เพราะอาม่าใส่น้ำจิ้มให้น้อยมาก) อาม่าบอก ขายลูกละสิบบาทมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว… ค่ะ ก็ดีค่ะ หนูไม่ค่อยได้มาแถวนี้เท่าไหร่

DSCF3704.JPG

เดินไปเกือบสุด ยังหาหมี่ซั่วไม่ได้เลยค่ะ แต่เจอนี้…ขนมเปี๊ยะ ขนมไหว้พระจันทร์ ถั่วตัด อะไรพวกนี้ ขายชิ้นละแปดบาทเอง ใส้ทุเรียนอร่อยมาก เหมาะกับการกินกับน้ำชามาก (มันก็หวานอยู่นะ) น่าจะซื้อใส้ทุเรียนมาหลายๆลูก แหม่…

DSCF3717.JPG

จริงๆก็อิ่มแล้วหล่ะ จริงๆตอนเดินมา เห็นมีร้านขายหมี่ซั่วอยู่ร้านเดียว แต่ว่ามันหมดแล้ว ขากลับ เราเลยแอบเดินเลี้ยวๆไปดูว่า เค้าเอามาลงใหม่รึยัง… เฮ้ย มาพอดี เลยรอเค้าผัดแล้วจัดเลย อร่อยดี ไม่เสียเที่ยวแล้ววันนี้ ฮะๆๆๆ อยากกินอีก จริงๆชอบของที่บ้านพ่อทำมากๆเลย แต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีใครทำแล้ว พ่อบอก เดี๋ยววันหลังแวะซื้อหมี่ที่นครสวรรค์แล้วเอาไปให้เค้าทำให้

DSCF3744.JPG

โอเค เสร็จภาระกิจเรา…หรอ ไม่ใช่ เรามากินน้ำชาเฟร้ยยยย แต่อิ่มมาก การกินน้ำชาเหมือนเป็นการล้างท้อง เรากะเพื่อนก็ไปจอดที่ร้านชา Double dog tea ชาหอมดีมาก จริงๆเราไม่ค่อยรู้เรื่องชาเท่าไหร่หรอก เค้าว่าดี เราก็ว่าดี ชาอันนี้คืออะไร… จำชื่อไม่ได้ จำได้แต่คำบรรยาย อันสีเข้มๆคือ “แก่ สปอร์ต ใจดี ชานเมือง” อันสีอ่อนๆคือ “สาวรวยเสน่ห์ มีจริตจะก้าน” เราชอบอันนี้ กลิ่นหอม ผลไม้ เสิร์ฟพร้อมขนม เหมาะมากกับการนั่งพักและล้างปากจากการตะลุยแดก

DSCF3765.JPG

แหม่…เสื้อกับถ้วยน้ำชาเข้ากันมากเลย

DSCF3775.JPG

เสร็จสิ้นวันนี้ อิ่มมากๆ สนุกมากเลย แต่ไปบ่อยไม่ดี อ้วนมาก ลงไปหนึ่ง ขึ้นมาอีกสอง(นี่น้ำหนักหรือไฮดร้า) แต่ดีนะ มีเพื่อนมีกล้อง จริงๆมีหลายทริปมาก แต่วันนี้ว่าง เลยมานั่งอัพรูปเล่น จริงๆ รูปเซ็ตนี้ เรารู้สึกไปเองนะตัวเองเป็นสาวหมวยเลย หน้าเหมือนคุณย่ามากเลย (คุณย่าเป็นลูกครึ่งจีนที่ไม่ชอบให้ใครเรียกเค้าว่าอาม่า ฮะๆๆๆ)

DSCF3703.JPG

DSCF3755.JPG

More photo: https://goo.gl/photos/Jd1P9xehC5fdJgK38

สุดท้ายตามเคย กับรูปสวยสุดของวัน เคยไปกินอะไรไม่รู้(จำไม่ได้)
จำได้แต่ว่าต้องจับตะเกียบแล้วเค้าบอกเราว่า…
จับตะเกียบแบบนี้ ถ้าเป็นที่บ้านเค้า คงโดนผู้ใหญ่ดุไปแล้ว…
คือ จับไม่ถูกอ่ะ แล้วเราจะโดนดุมั้ย
วันหลังไปกินข้าวกัน จะใช้ช้อนส้อมแทนละกัน ฮะๆๆๆ

dscf3746

 

Custom your own fish At Siam Ocean World

สวัสดีค่ะ เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน อั๋นกับเพื่อนไปเที่ยว สยามโอเชี่ยลเวิร์ลกัน เพราะว่าเพื่อนอยากไปดูแมงกะพรุน อั๋นเห็นน่าสนใจดี เลยไปด้วยก็ได้ หลักๆก็ไปดูปลาค่ะ แต่ว่า มีจุดนึงที่อั๋นคิดว่ามันเยี่ยมมาก ประทับใจ ก็คือจุดที่ให้เด็กๆ ระบายสีปลาของตัวเองแล้วเอาใส่เครื่องที่เค้าจัดไว้ให้ จากนั้นเครื่องก็จะสร้างภาพปลาสามมิติจากจินตนาการของน้องๆค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าเค้าทำยังไง

Jpeg

เครื่องสร้างปลาสามมิติ

ก่อนอื่นนะคะ ต้องมีรูปปลาก่อน ที่นี่เค้าก็มีกระดาษให้ แล้วให้น้องๆระบายสี ออกแบบปลาของตัวเองตามจินตนาการเลย

Jpeg

จากนั้น ก็เอาปลาไปใส่ในช่องที่เตรียมไว้ให้ จะเป็นช่องที่ข้างบนเป็นกล้องแล้วมีหลอดไฟบอกสถานะการทำงาน คิดว่า คงดูรูปร่างปลาจาก QR code ที่พิมพ์ไว้ด้านบนของกระดาษ แล้ว Generate ตามภาพที่เก็บได้จากกล้อง

P_20160604_161845.jpg

จากนั้นค่ะ เมื่อเครื่องทำงานเสร็จแล้ว ที่หน้าจอจะโชว์รูปปลา สามมิติ จากภาพที่เราวาดไว้ สุดยอดความไฮเทคดีนะคะ

P_20160604_162019.jpg

แล้วปลาทั้งหมดก็ออกไปอวดโฉมที่จอใหญ่ ให้น้องๆได้ถ่ายรูปกัน

P_20160604_162105.jpg

นอกจากนี้ ก็ยังมีปลารูปแบบอื่นด้วยนะคะ ลองเล่นดูจากรูปปลาที่น้องๆวาดไว้แล้วก็สนุกดี

P_20160604_161946.jpg

บูทนี้ประทับใจในเทคโนโลยีมาก จริงๆไม่น่าจะทำยาก แต่คนคิดจะทำนี่ เก่งจริงๆ ชื่นชมค่ะ 🙂

ญี่ปุ่น ตอน ต้องใช้ความกล้าแค่ไหน

ค่ะ ล่วงเลยมาสองเดือนเพิ่งจะมาอัพเดทต่อ

หลังจากที่เราเล่นสกีหิมะกันจนอิ่มก็ไปอิ่มกันต่อที่โรงแรม อาหารมื้อนี้ก็คือ ขาปูยักษ์นั้นเองค่ะ ที่เด็ดคือ พี่ไกด์พกน้ำจิ้มซีฟู๊ดไปด้วยค่ะแจ่มมาก

เซตญี่ปุ่น เตรียมพร้อมก่อนขาปู

เซตญี่ปุ่น เตรียมพร้อมก่อนขาปู

ซากอารยะธรรม กับน้ำจิ้มไทย

ซากอารยะธรรม กับน้ำจิ้มไทย

พออิ่มหนำสำราญ สิ่งที่รอคอย และเตรียมตัวมาอย่างดีก็คือ การไปแช่ออนเซ็นนั้นเองค่ะ อั๋นก็ไปกับแฟนน้องชาย เปิดอกคุยกันจริมๆ ฮะๆ ที่โรงแรมที่ไปนอนเค้าจะมีที่อาบน้ำให้สิ่งที่เราต้องทำตอนไปถึงก็คือ ต้องอาบน้ำก่อน พอเข้าไป จะมีที่เก็บของให้ ตรงนั้นเราก็ต้องถอดเสื้อผ้าเก็บเอาไว้ที่ช่องนั้น แล้วไปอาบน้ำ ซึ่งเค้าก็จะมีสบู่ แชมพูเตรียมไว้ให้ เป็นของโอทอปหมดเลย เห็นพี่ไกด์บอกว่า เป็นน้ำมันม้า ของขึ้นชื่อของที่นี่เลย พอลองใช้แล้ว รู้สึกว่าชอบมาก ทั้งสบู่ แชมพู โฟมล้างหน้า พออาบน้ำเสร็จก็ไปลงแช่น้ำกัน ตอนที่ไปก็เหมือนคนจะเยอะนะพอเราออกไปเท่านั้นแหล่ะ สาวๆญี่ปุ่นหายไปไหนหมด ทั้งสระเลยมีแค่เรากับแฟนน้องชายเท่านั้น และน้ำร้อนมาก แต่ว่า บรรยากาศดีมากๆ เป็นบ่อน้ำแบบ outdoor ค่ะ ฟินสุดๆ อากาศหนาวๆ แล้วอาบด้วยน้ำอุ่นๆ สบายสุดๆไปเลย อยากไปอีก ฟินและสบายมากๆ แต่ว่าด้วยที่ว่ามันเป็นน้ำที่ร้อนมาก อั๋นเลยนอนแช่ได้แค่สิบห้านาที ก็ต้องขึ้นแล้ว ไม่แน่ใจว่า ปกติเค้าแช่กันกี่นาที แต่อั๋นรู้สึก ร้อนไม่ไหวแล้ว เลยขึ้นมาพักนวด แล้วเครื่องนวดเค้านะฟินมาก พออาบน้ำเสร็จได้ซักพัก น้องชายอยู่ๆก็อยากเดินเล่นค่ะ เราเลยเดินเล่นในโรงแรมอีกรอบ พร้อมกับน้องชายเลี้ยงเบียร์อีกหนึ่งกระป๋อง เลยกลายเป็นเบียร์กระป๋องแรกในรอบเดือนเลย ว่าจะไม่กินแล้วน้า….. จากนั้นก็เตรียมเข้านอนค่ะ หลับสบาย ดีงามมาก มีโอกาสจะจัดทริปออนเซ็นนะ

เบียร์แรกของปี ไม่...ซิ

เบียร์แรกของปี ไม่…ซิ

เช้าวันที่สอง เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อจะไปดูซากุระบานช่วงเช้าค่ะ จริงๆแล้ว ช่วงต้นเดือนมีนา ซากุระยังมีบานไม่ค่อยเยอะ แต่ว่าเค้าก็พาไปดูจนได้แหล่ะ จำไม่ได้ว่าไปที่ไหน แต่ว่า ซากุระบานเต็มสองข้างทางเลย แล้วข้างๆก็มีดอกผักกาดสีเหลืองอร่าม และของขายตลอดทาง อั๋นซื้อสาหร่ายญี่ปุ่นมาสองถุง เอาไปฝาก จริงๆซื้อเพราะว่าคนขายเอาให้ชิมแล้วอร่อยดี แถมพูดไทยได้อีก

1181263

1181235

อันนี้อร่อย

อันนี้อร่อย ฉ่ำมาก

แต่สวยจริงๆ เราถ่ายรูปไม่สวย ทั้งสวย ทั้งอากาศดี ดีจังเลย

จากนั้น เราก็นั่งกลับไปโตเกียว แต่ว่าก่อนหน้านั้น เราต้องแวะซื้อของที่เอาท์เล็ตก่อน เป็นที่สำคัญสุดของทริปเลย ให้ตายเถอะ ป้าไปเหมาชุดรีบอกซ์มาหลายตัวเลย สวย เสียดายตังไม่ค่อยจะมี ไว้มีจะไปถอยมาอีกนะ

วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แวะสองห้าง ซื้อของฝาก ซื้อของเสร็จ ก็กลับห้องนอน เตรียมตัวเที่ยวโตเกียววันสุดท้าย ส่วนใหญ่ก็เที่ยวตามสายวงกลมนั้นแหล่ะ เรียกว่าอะไรไม่รู้ จำไม่ค่อยได้ เพราะไม่ได้เที่ยวอะไรมาก ไปแวะซื้อของให้เพื่อนตามที่เค้าฝากเฉยๆ เรากะแวะกดซากาปองมาสองตัว เสียดาย น่าจะกดเยอะกว่านี้หน่อย ไว้รอบหน้าไปอีกเนอะ เที่ยวโตเกียวแบบไม่ต้องรีบซื้อของดีกว่า รอบนี้แทบไม่ได้ดู ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลย

อร่อยสุด ฟินมาก ซื้อเยอะมาก

ชีสเค้กอร่อยสุด ฟินมาก ซื้อเยอะมาก

Jpeg

ขนม เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง ของฝากทั้งนั้น

จบทริปแล้ว เราก็ต้องกลับแล้วซินะ จริงๆทริปนี้ไม่ได้อยากมานะ แต่ว่ามาแล้วก็สนุกดี อยากมาอีกบ้างแหะ ไว้เก็บเงินมาเองอีกรอบดีกว่า เที่ยวตามทัวร์ก็สบายนะ

Jpeg

ญี่ปุ่น ตอน ไปแต่ตัว มีไกด์ทัวร์ไม่ได้ฟัง

เมื่อต้นเดือนมีนา อั๋นกับน้องชายได้มีโอกาสไปญี่ปุ่นด้วยแหล่ะค่ะ น้องชายหาทริปมาให้ เพราะอั๋นบอกว่า ถ้าจะว่าง ก็มีแต่ช่วงต้นมีนานั้นแหล่ะ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอกลับมานี่ งานงอกรัวๆเลย ทริปญี่ปุ่นรอบนี้เป็นทริปที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปเท่าไหร่ อยู่ๆแม่ก็จะออกเงินให้ ให้ไปกับน้องชาย แฟนน้องชาย แล้วก็คุณอา น้องชายเพิ่งเคยไปต่างประเทศครั้งแรก ไปฟรีอย่างนี้ก็ไปซิคะ แต่บอกที่บ้านไว้ว่า อั๋นจะไม่อ่าน ไม่เตรียมอะไรทั้งนั้น ขี้เกียจ บวก งานเยอะด้วย แต่ก็มีแอบตั้งเป้าเอาไว้ว่า จะอยากทำอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น ลิสต์หาของกินทั้งนั้นเลย ไปนี่ ยังไม่รู้เลยนะว่าเค้าจะพาไปไหน จำได้แต่ว่ามีขาปูให้กิน

วันแรก เราเริ่มต้นเดินทางออกบ้านแต่เช้า คุยกับพี่ไกด์ เค้าก็จะเล่าให้ฟังว่า เช็คอิน เขียนใบเข้า ตม. อะไรยังไง ดูไม่ค่อยยากนะ ยิ่งมากับทัวร์แล้ว รู้สึกสบาย เข้าไปเตรียมหลับ ไม่มีอะไรน่าตื่นตกใจ

Jpeg

สนามบิน นาริตะ ไม่เห็นอะไรหรอกนะ แต่เราว่า มุมนี้สวยดี

แล้วบินถึงสนามบินนาริตะตอนกลางคืน ก็ไปพักที่โรงแรมเลย เค้ามีข้าวกล่อง เป็นเทมปุระหลากหลายแบบมาก อร่อยสุด ไม่รู้เพราะหิวรึเปล่า จากนั้น อั๋นกับน้องชายเลยไปเดินเล่นแถวๆโรงแรมแล้วก็สอยขนมมากินกัน ซึ่งก็ไม่ทำให้สายแดกผิดหวัง ขนมตามร้านสะดวกซื้อที่ลิสต์เอาไว้ อั๋นก็สอยมากิน มาฟินกันตั้งแต่คืนแรกเลย

Jpeg

แดกเข้าไป ตอนสี่ห้าทุ่ม ครีม เค้ก ไอติม น้ำอัดลม นม ขนมปัง

วันที่สอง ตื่นเช้ามาก แต่ก็นะ ไปทัวร์ ไม่หวั่นอยู่แล้ว ระดับนี้แล้ว หลับโครตง่าย รถสตาร์ทก็หลับปุ๋ยแล้ว พี่ไกด์พูดประวัติสถานที่ เล่านิทาน นัดหมายกำหนดการ อีนี้ไม่เคยฟังจบค่ะ หลับสนิท

ที่แรกที่ไป เราไปวัดเซนโซจิ หรือ วัดอาซะกุสะ แฟนน้องชายเค้าอ่านวิธีพวกล้างมือ จุดธูปบูชา อะไรพวกนี้มาแล้ว อั๋นก็ทำตาม ขอพร ตามประสาตัวเอง ขอให้ทริปนี้ เที่ยวปลอดภัย แคล้วคลาดอันตราย ตลอดการเดินทางนะคะ จบด้วยการเซียมซี ซึ่งก็ได้ใบที่ดีนะ แล้วเราก็เดินเล่นแถวๆนั้น ก่อนที่จะไปที่อื่นต่อ

มุมประจำของนักท่องเที่ยว

Jpeg

โคมแดงที่เขาว่าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่

แล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ คาวาคูจิโกะ เพื่อทริปสกีและฟูจิซัง และตามสเตป คือ ไม่ได้ฟังอะไรอีกแล้ว ขึ้นรถก็หลับ

เห็นเค้าถ่ายก็ถ่ายมั่ง

เห็นเค้าถ่ายก็ถ่ายมั่ง

ตื่นมาก็ข้าวกลางวันพอดี เย้

สุกี้ หม้อไฟ มื้อใหญ่ ตอนแรกคิดว่าจะไม่อิ่มซะอีก อร่อยยยย

สุกี้ หม้อไฟ มื้อใหญ่ ตอนแรกคิดว่าจะไม่อิ่มซะอีก อร่อยยยย

1457282146363

หน้าบานตั้งแต่วันแรก

จากนั้นไม่พอ อีนี้ไปสอยคิทแคทชีสเค้กมาอีกกล่อง ไม่ใช่เอาไปฝากใครนะ เอามารวมในทริปสายแดกนี้แหล่ะ

แล้วก็มุ่งหน้าไป ฟูจิเต็ง เย้ๆ ตื่นเต้น เห็นฟูจิซังครั้งแรก สวยมากเลย แต่รู้สึกว่า เค้าจะพาเราไปดู พิพิธภัณฑ์แผ่นดินไหวก่อน เจ๋งมากเลย ตอนที่มีห้องสาธิตแผ่นดินไหว แต่ไม่ค่อยได้เห็นอะไรมาก ทัวร์ลงเยอะมาก ได้แค่เล่นห้องสาธิตแค่นั้นแหล่ะ รูปภาพอะไรก็ไม่ได้ดูซักอย่าง รูปนี้ถ่ายแถวๆพิพิธภัณฑ์ตอนที่แอบออกมาหาอะไรกินอีกรอบ

สวัสดีนะ เราชื่ออั๋น

สวัสดีนะ เราชื่ออั๋น

และแล้วก็ถึงฟูจิเต็ง เค้าให้เราไปเล่นรถเลื่อน รูปร่างคล้ายๆมอเตอร์ไซต์แต่ไม่มีเครื่องยนต์นะ มีแค่แฮนด์ กับที่วางขา สนุกมาก แต่ได้เล่นแป๊บเดียว…จริงๆก็หลายรอบแหล่ะ น้องชายถ่ายวิดีโอไว้ แต่ยังไม่เห็นเลย แต่สนุกมาก ไว้เจอวิดีโอจะเอามาโพส

สนุกดี น่ากลัวแค่ตอนแรก เล่นๆไปก็ไม่กลัวล้าวว

สนุกดี น่ากลัวแค่ตอนแรก เล่นๆไปก็ไม่กลัวล้าวว

ที่เจ๋งคือ เป็นที่เล่นสกีที่เห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย เอร้ยยยยยย น่ายักกกกก

นี่อั๋นไง จำไม่ได้หรอ

นี่อั๋นไง จำไม่ได้หรอ

ตอนจะกลับ อั๋นกับน้องชายก็เดินดูของใช้สำหรับนักสกีค่ะ บางอันก็แพง…แบบ เฮ้ยยยย ของแบบนี้ต้องลงทุนนะเว้ยยยย กัดฟันซื้อไป ถ้าจะเอาจริง แต่เสื้อเล่นสกีสวยๆเยอะมาก ถุงมือน่ารักๆ ก็เยอะ และพอเดินไปโซนของกิน เราก็ต้องถึงกับอึ้งเมื่อเจอสิ่งนี้!!!!

ช็อคโก้บี บายชินจัง!!!

ช็อคโก้บี บายชินจัง!!!

เอร้ย เพิ่งเคยเห็นของจริง แต่ก็เห็นแค่ที่ฟูจิเต็งนะ ที่อื่นไม่เห็นขนมอันนี้ขายเลย ถ้าถามอร่อยมั้ย คิดว่า ข้าวโพดอบกรอบของเซเว่นอร่อยกว่าเยอะ

แล้วก็ถึงเวลา บ้ายบายฟูจิเต็ง สนุกมากเลย คงไม่ได้มาอีกแล้ว แต่ว่า เรายังมีไฮไลต์ของค่ำคืนนี้รออยู่ที่ ชิซึโอกะค่ะ ไว้จะมาเล่าต่อบล็อคหน้านะ

🙂 อั๋นเอง

ปล. ชอบอันนี้ น่ารัก ที่ปิดฝาท่อมั้ยอ่ะ สวยเนอะ

Jpeg

ธรรมชาติ และงานศิลปะ

แรงบันดาลใจของผลงานศิลปะในยุคก่อนๆ ล้วนมาจากชีวิตประจำวันทั้งสิ้น

เราไม่รู้แน่ว่ามนุษย์เริ่มมีภาษาใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่และก็ไม่รู้ว่าศิลปะเริ่มพัฒนามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เราศึกษาจากร่องรอยทางประวัติศาสตร์เพื่อคาดการณ์ว่าศิลปะเริ่มพัฒนาขึ้นเมื่อใด มีการค้นพบต่างๆมากมายเพื่อนสนับสนุนทฤษฎีต่างๆของผู้ที่ศึกษา

ตั้งแต่บรรพบุรุษมนุษย์เริ่มยืนตรงได้และเดินได้ด้วยสองขา ทำให้เรามีมือที่ทรงพลังกว่าสัตว์อื่น เราไม่ต้องใช้มือในการช่วยเดินอีกต่อไป เรามีสมองที่พัฒนามากกว่าสัตว์อื่นและสามารถให้มือในการพัฒนาสิ่งต่างๆมากมาย

มนุษย์ดึกดำบรรพ์ ในยุคหินเก่าที่ต้องล่าสัตว์เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการกินอยู่ เวลาวาดภาพไปก็มักจินตนาการไปด้วยว่ามันจะกลายเป็นของจริง พวกเขาจึงชอบวาดสิ่งที่อยากให้เป็นจริงไว้ตามผนังถ้ำ นักวิชาการต่างก็ลงความเห็นว่า พัฒนาการทางศิลปะของมนุษย์มีต้นกำเนิดมาจากความต้องการต่างๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน

ภาพเขียนในผนังถ้ำ

ภาพเขียนในผนังถ้ำ

ในช่วงที่โลกกำลังพ้นยุคน้ำแข็งช่วงสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ยุคหินเก่า ผู้คนในยุคนั้นอาศัยอยู่ตามถ้ำเพื่อหลบหนีความหนาวเย็น และเริ่มรู้จักทำเครื่องมือเครื่องใช้ ซึ่งสมัยนั้น คนก็ยังไม่รู้จักการเลี้ยงสัตว์ ไม่รู้จักการเพาะปลูก พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ แต่เพราะไร้อาวุธที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การล่าสัตว์เป็นเรื่องยาก พวกเขาจึงต้องทนหิวเป็นประจำ ดังนั้น เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือปัญหาเรื่องปากท้อง ซึ่งสะท้อนออกมาในงานศิลปะ

สันนิษฐานว่า การที่คนโบราณวาดภาพคนหรือสัตว์ต่างๆไว้บนผนังถ้ำก็เพราะเชื่อว่าภาพเหล่านี้มีเวทมนตร์หรือพลังเหนือธรรมชาติ พวกเขาวาดภาพสัตว์ หรือปลา ด้วยลายเส้นง่ายๆไว้บนกระดูกสัตว์ ก้อนหิน งาช้าง หรือเขาแพะ แล้วนำติดตัวไปด้วย เพื่อให้การล่าสัตว์ราบรื่น

ภาพแกะสลักบนเขาสัตว์

ภาพแกะสลักบนเขาสัตว์

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสืบเผ่าพันธุ์เพื่อขอพรให้มีลูกหลานมากๆ ไว้ช่วยหากิน พวกเขาจึงประดิษฐ์ชิ้นงานที่เน้นทรวงอกและอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และการให้กำเนิดทายาท

รูปแกะสลัก Venus of Willendorf ซึ่งแสดงให้เห็นแนวคิดนี้ได้ชัดเจนที่สุด

รูปแกะสลัก Venus of Willendorf ซึ่งแสดงให้เห็นแนวคิดนี้ได้ชัดเจนที่สุด

เมื่อโลกผ่านพ้นยุคน้ำแข็ง อากาศเริ่มอบอุ่น ประวัติศาสตร์ของมนุษย์จากยุคหินเก่า เริ่มเข้าสู่ยุคหินใหม่ พวกเขาเลือกอาศัยอยู่ในถ้ำเพื่อหลบแดด ลม และฝน มนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่เคยยังชีพด้วยการล่าสัตว์และเก็บผลไม้ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเริ่มต้นเพาะปลูก เริ่มเลี้ยงสัตว์ เริ่มมีการเก็บสะสม ทำให้เริ่มหาอาหารได้ง่ายขึ้น เมื่อมนุษย์เริ่มเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์เป็น จึงไม่ต้องย้ายถิ่นฐานไปตามทำเลล่าสัตว์อีกต่อไป และเริ่มลงหลักปักฐาน

ตอนที่มนุษย์ดึกดำบรรพ์ยังไม่มีที่อยู่แน่นอนเพราะต้องออกล่าสัตว์ทำให้ไม่มีเวลามากพอสำหรับคิดถึงตนเองและสภาพแวดล้อม แต่มนุษย์ยุคหินใหม่เริ่มมีเวลานั่งคิด แน่นอนว่าต้องคิดเกี่ยวกับปัญหาของตัวเองและสิ่งรอบข้าง

สำหรับมนุษย์ยุคหิน มีเพียงดวงอาทิตย์ซึ่งทำให้ทุกสิ่งเจริญเติบโตเท่านั้นที่เป็นอมตะ พวกเขาเพาะปลูกอย่างเหน็ดเหนื่อย ขอเพียงขยันทำงาน แม้จะเสียเหงือมากมาย แต่ก็จะได้ผลผลิตมากขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่ธรรมชาติก็ใช่ว่าจะมอบความอบอุ่นปราณีให้เสมอไป มนุษย์ดึกดำบรรพ์ไม่มีกำลังต้านทานเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติ พวกเขาจึงเกรงกลัวปรากฏการณ์ธรรมชาติทุกชนิด ดวงอาทิตย์กลายเป็นตัวแทนของสิ่งเคารพบูชา เชื่อว่ามีวิญญาณอยู่ในต้นไม้ และก้อนหิน มนุษย์จึงเคารพบูชาสิ่งเหล่านั้น เรียกได้อีกอย่างว่า ลักธิวิญญาณนิยม (Animaism)

สโตนเฮนจ์เป็นการนำแท่งหินจำนวนมากมาจัดเรียงกัน พวกมันถูกจัดเรียงเป็นวงกลม เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในวัฒนธรรมหินใหญ่ (Megalithic Culture)

สโตนเฮนจ์เป็นการนำแท่งหินจำนวนมากมาจัดเรียงกัน พวกมันถูกจัดเรียงเป็นวงกลม เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในวัฒนธรรมหินใหญ่ (Megalithic Culture)

งานสถาปัตยกรรมที่คาดว่าเป็นชิ้นแรกๆของมนุษย์ คาดว่าสร้างขึ้นราว สามพันปีก่อน ค.ศ. เกิดจาการนำก้อนหินก้อนใหญ่มาเรียงซ้อนกัน เพื่อสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิในวัฒนธรรมสมัยก่อน

 

จากหนังสือ ประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก จากยุคแรกเริ่มถึงยุคปัจจุบัน
โดย Choi Jung-Rak สำนักพิมพ์ Nanmeebooks

Cocktail made by order

เมื่อวานเป็นวัน Hang out แห่งอาทิตย์เลยค่ะ เที่ยววันเดียวแทบหมดตัว เริ่มจากกินชูชิ ชาชิมิเทพ ร้าน Sushi Hiro ช่วงนี้ลดครึ่งราคาด้วย สั่งซะลืมเลยว่าอิ่ม สั่งข้าวมาแล้วกินไม่หมด เพื่อนผู้ชายเห็นแล้วคงสงสาร กินให้ก้อได้วะ ตั้งครึ่งถ้วย ฮะๆๆ ต่อๆ คือจะเล่าเรื่องประทับใจเกี่ยวกับร้าน Cocktail ชื่อ water library อยู่เส้นทองหล่อ ติดถนนใหญ่เลย สั่งมากันคนละแก้วแล้วแบ่งกันชิม อร่อย ฟิน บางแก้วมี story ด้วย พนักงานจะมาเล่าว่า คอกเทลแก้วนี้หมักจากเบียร์สิบแปดปี เวลากินต้องได้กลิ่นของโรสแมรี่เผา อะไรประมาณเนี้ย คือพนักงานรู้หมดว่าคอกเทลรสชาติเป็นไง แนะนำได้ (ไม่เหมือนร้านรูฟท๊อปบางร้าน หงุดหงิดมาก แพงก็แพง เก้าอี้ก้อไม่มี งอน) อั๋นสั่งไปสองแก้ว รูปที่โชว์เป็นรูปสุดท้าย ชื่อ Miss Penelope อร่อยมาก ข้างล่างเป็นแมนดารินไซรัป ข้างบนเป็น นมๆครีมๆอะไรนี้แหล่ะ แถมเขียนชื่อให้ด้วย ไฮโซ อร่อยด้วย ถูกกว่าแก้วแรกที่กินอีก ฮะๆ S__14032898 แก้วแรกก็อร่อย เราสั่ง Rock & Roll มีเสิร์ฟพร้อม Gummy Bear ที่หมักจากเหล้าของร้านด้วย แก้วน้ำสีชมพูสูงๆด้านขวา อร่อย ฟิน ไว้รอบหน้าไปอีก ไปกันหลายคน ก็ชิมของคนอื่น นิดๆหน่อยๆ อร่อยดี ❤ ❤ S__4678747 และ ชอทสุดท้าย ปุ๊นๆๆๆ อะไรก็ไม่รู้ เค้าไม่ยอมบอก แต่อร่อยดี Bottom UP!!! S__14098439