Welcome 2019

ปีนี้ ค่อนข้างสบายๆนะ ไม่ค่อยพีคเท่าไหร่ อยากทำอะไรก็ได้ทำ เหนื่อยหน่อย แต่ก็นะ อายุมากขึ้น ความรับผิดชอบก็มากขึ้นด้วย จากการที่เคยรู้สึกว่า ไม่ต้องวางแผนอะไร ไม่เคยคิดว่าเห็นตัวเองในห้าปี สิบปีข้างหน้าเลย อะไรทำแล้วมีความสุขก็ทำไป กลับต้องมาอยู่ตรงที่ต้องคิด ต้องวางแผนทั้งตัวเอง และคนอื่น ด้วยหน้าที่การงาน ด้วยความเป็นคนมีค่า(ใช้จ่าย) ที่ต้องคิดดีๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะตู้ม มาทีเดียวไง มันค่อยๆปรับตัว เรียนรู้ ต้องมีแผนสำรอง

  • ปีนี้ การงาน เหมือนจะเปลี่ยน Roll นิดๆ เริ่มจะได้ทำอย่างอื่นนอกจากเป็นเดฟตัวน้อยแล้ว เออ…เราเป็น ซีเนียร์เดฟแล้วนะ…ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
  • ตอนนี้ขับรถเป็นแล้ว ได้ใบขับขี่แล้วด้วย เย้ๆๆๆ แต่ไปขับให้ที่บ้านนั่ง แค่ถอยรถเค้ากรี๊ดกันแล้ว สงสัยจะสนุก
  • เมื่อต้นปี ไปเรียน Advance Open Water แล้ว จะไปดำน้ำที่ไหนก็ได้แล้ว เย้
  • เอ๊ะ แค่นี้หรอ

Year Review ปีนี้ ที่เราคิดว่าเป็นส่วนหลักๆของเรา ต้องเป็นเรื่องการทำงานเลย เข้าใจเลยว่า ประสบการณ์การทำงาน และพื้นฐานที่จำเป็นของสายงานนั้น ก็เป็นส่วนสำคัญในการรับใครเข้าทำงานเลย

เราได้รู้ว่า การทำงาน เราคนเดียว ไม่สามารถเป็น single point ได้ ต้องมีคนที่สามารถทำงานแทนได้ ถ้าเราไม่อยู่(แล้ว) ที่จะเห็นชัดหน่อยก็จะเป็นช่วงที่เราหนีไปหยุดยาว ด้วยการที่ว่า เราไม่ได้แพลนว่า จะต้องมีเปลี่ยน Roll ปลายปี มันเลยจะหนักๆหน่อย การมีคนซักคนสำรองไว้ในกรณีแบบนี้ มันจำเป็นมาก เวลาเห็นเค้าจัด resource คนทำงานในโปรเจค รู้เลยว่า เราเป็นเหมือนหมากในกระดาน หมากแต่ละตัว มีความสามารถต่างกัน คนโน้นทำนี่ได้ แทนคนนี้ คนนั้นทำนี่ได้ แต่อยากทำโรลนี้ ก็ต้องวางแผนกันไป ปีหน้า เราอาจจะหนักหน่อย ด้วยการที่มีการเปลี่ยนโรลแบบนี้ แต่ก็นะ… ใครเค้าจะจ้างเราทำโรลเด็กๆด้วยเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นทุกปีไปตลอดหล่ะ เนอะ

จากการที่เป็นแค่จูเนียร์เดฟโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ ไม่เคยคิดว่าต้องคิดโน้นที่นั่นมากมาย ทำงานตัวเองเสร็จก็จบ เคยคิดนะว่าพวกพี่ๆทำแค่รีวิว น่าจะสบายเนอะ พอมาถึงจุดที่ตัวเองต้องวางแผน ต้องรีวิว เฮ้ย มันหนักอยู่นะ ถึงจะไม่ได้เดฟเอง แต่รีวิวนี่ ต้องระวังหลายอย่างเลย ทั้งต้องทำให้ผิดน้อยสุด แล้วต้องมีการโค้ชคนในทีมด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นถ้าเป็นอย่างนี้ ครั้งต่อไปก็ระวังด้วย รู้สึกว่าสมัยก่อน กว่าทีมข้างบนๆจะย่อย solution ให้ dev ได้นี่ งานหนักสุดเลย การปฏิบัติจริง แทบจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆของโปรเจคใหญ่ๆซักอันนึงเลยนะ

New Year’s Resolution หรอ ปีนี้คิดไม่ออก เพราะที่อยากทำก็ทำไปหมดแล้ว…. ^^” แต่ของที่อยากได้ ก็ยังไม่ได้ซื้อ นี่ชั่งใจอยู่ระหว่าง ต้องซื้อ กับ ระงับความอยาก 55555

ปีหน้า ท่าทางจะสนุก ฮะๆๆๆ สวัสดีปีใหม่ 2019 จ้า

อั๋น

ทดลองเป็นนักดำน้ำ ปีนี้ได้ Advanced OW แล้ว

สวัสดีค่ะ

ตอนนี้อั๋นได้ PADI Advanced Open Water และ Enrich Air Diver แล้วค่ะ ดำน้ำลึกได้มากกว่า 18 เมตรแล้ว เนื่องจากพอเราได้เริ่มดำน้ำเยอะขึ้น จะเริ่มมีกิเลสว่า เฮ้ย ไปที่โน้น ที่นี่ ต่างๆนาๆ ซึ่งบางที เค้าก็แนะนำว่าต้องมีอย่างน้อยคือระดับ Advance เพราะจะมีดำลึกว่า 18 เมตร ไรงี้ แล้วแบบ โห… เห็นรูปแล้ว สวยมาก อยาก เลยตัดสินใจว่า เอาวะ ฉันจะเรียน Advanced Open Water

เราก็มองๆไว้หลายที่นะ จะกลับไปเรียนที่เกาะเต่าที่เดิมมั้ย หรือที่อื่นดี แล้วก็หาและคำนวนต่างๆนาๆ ก็ได้ความว่า เราไปเรียนที่ Diver Club Koh Kood และพักที่ Koh Kood Resort เลย เหตุผลหลักๆก็ รูปที่ถ่ายที่รีสอร์ตสวยมากๆๆๆ แถมน้องที่สอน Open Water เราก็อยู่ที่นั้นด้วย

ในส่วนการมาที่เกาะกูดนี้ ก็หาเพื่อนไปไม่ได้ ก็จองห้องบังกะโลวิวหาดไว้ เตียง King Size นอนคนเดียว (แง) และก็กะว่าลางานเพิ่มอีกวันเพื่อจะได้พักผ่อน เนื่องจากตอนเกาะเต่า พลาด เรียนจบก็ต้องเก็บของกลับบ้านเลย การเดินทางก็นั่งรถต่อเรือ ของบริษัทบุญศิริ ออกจาก ข้าวสารประมาณตีห้า

แล้วต่อเรือที่ตราด

dsc_0013

แล้วจากเรือ ก็มีรถไปส่งถึงรีสอร์ตเลย สะดวกมาก ถึงรีสอร์ตประมาณมื้อเที่ยง แต่พอดีด้วยว่าเราตื่นเช้ามาก พอเช็คอินโรงแรมเสร็จ คุยติดต่อเรื่องเรียน แล้วก็หลับไปเลย

ห้องวิวสวยมาก หน้าหาดไม่มี รีสอร์ตนี้เป็นหาดหิน แต่เราว่า ตรงที่ท่าเรือคือดี คือเอกลักษณ์ของที่นี่ เออ รูปที่ถ่ายมา สีอาจจะจืดๆหน่อยนะ ตอนนั้นมือถือเราก็ใกล้จะลาโลกแล้ว

DSC_0015

DSC_0028

DSC_0042

DSC_0018

ตอนนั้นเราไปเดือนกุมภาพันธ์ น้ำใส น่าเล่นมาก พอพักผ่อนเสร็จ ก็ลงเล่นน้ำ รูปถ่ายไว้เยอะมาก แต่ลงไม่ได้เพราะโป้ เนื่องจากตอนนั้น น้ำหนักลงมาเยอะพอสมควร หน้าอกเลยเล็กเลย บิกินี่หลวมเลยอ่ะ หลวมไปหมด ทั้งเสื้อทั้งกางเกง เสียดาย และคนเดียวก็เปรี้ยวได้ เล่นน้ำจนตะวันตกดิน ใช้กล้อง GoPro 6 ค่ะ ประทับใจความคมชัด แต่ไม่ประทับใจราคา เพราะตอนซื้อมาราคาเต็ม ผ่านไปสองเดือน ราคาลงไปเยอะมาก

พอเล่นน้ำเสร็จ ก็จัด Dinner ค่ะ มาคนนี้อย่างนี้ ต้องนี่เลย พิซซ่าทั้งถาด และ Pina Colada ฟรี จากน้องเพชร ครูที่สอน Open Water ให้เรา ต้องบำรุงค่ะ พรุ่งนี้จะต้องเริ่มเรียนกันแล้ว

โห เขียนมาตั้งนาน ยังไม่เข้าเรื่องดำน้ำเลย มาๆ เข้าเรื่องค่ะ

dsc_00251

วันต่อมา เราก็พร้อมแล้วกับการเรียน เย้ๆ ครูที่สอนชื่อพี่ตู่ค่ะ ใจดี มีข้าวเลี้ยง รอบนี้น้องเหมาค่ะ มีนักเรียนคนเดียว ช่วงเช้าจะเป็นการทบทวนส่วนความรู้พื้นฐาน จากนั้นก็ให้เราเลือก Skill ที่ต้องการ แล้วก็เรียนตามสกีลที่เลือก ช่วงเช้า ก็จะเป็นการเรียนทฤษฎี ลองเล่นอุปกรณ์กันบนบกก่อน แล้วก็ทะยอยสอบในทะเลเลย ทั้งหมดใช้เวลาสองวันจบ

G0065502.JPG

พร้อมลงเรือ กับตะกั่วสองก้อน ไปกับลำนี้แหล่ะ

ซึ่งอั๋นก็เลือก skill ตามนี้ จริงๆมีให้เลือกเยอะกว่านี้ และรายละเอียดเยอะกว่านี้ แต่จำไม่ค่อยได้แล้ว แล้วตอนลงน้ำคือ ดีมากเลยนะ ลงเรือไป มีนักเรียนดำน้ำหนึ่งคน นักเรียนฟรีไดฟ์หนึ่งคน และครูสอนดำน้ำสามคน คือแทบจะประคองใส่ BCD ให้ ดีงาม

  • Deep Diver คือ ดำน้ำลึกว่า 18 เมตร ตอนสอบคือลงไปที่ความลึก 18 เมตร แล้วบวกเลข ฮามาก โจทย์แบบ คำนวนบนบกก็งง อ่ะ ต้องช้าๆ มีนับนิ้วด้วย ฮะๆๆ แล้วก็มีดูชาร์จสี ว่าลงไปลึกๆจะเห็นสีอะไรบ้าง แน่นอนว่า สีแดงหายก่อนอยู่แล้ว
  • Peak Performance Buoyancy การควบคุมการลอยตัว อันนี้บอกเลย ตอนไปที่เกาะกูด น้ำนิ่ง น้ำใส แถมได้รับการเทรนมาอย่างดี พอถึงเวลาทำสกีล เลยรู้สึกสบายมากๆ นี่ใส่ตะกั่วสองก้อนนะ ไม่อยากจะคุย
  • Night Diver คือการดำน้ำกลางคืน หรือช่วงเย็นๆ ที่จะต้องใช้ไฟฉาย รวมถึงการนำทางในที่มึด สวยดีนะ (แต่ดำ Night Dive ที่ชอบที่สุดคือที่เกาะเต่าอ่ะ แพลงตอนเรืองแสงเป็นอะไรที่ประทับใจมาก)
  • Under Water Navigation อันนี้รู้สึกจะสอบเป็นอันสุดท้าย การสอบคือ ก่อนลงน้ำ พี่ตู่ให้เอาเข็มทิศชี้ไปทางรีสอร์ต จากนั้นให้เราพาเค้ากลับขึ้นฝั่งให้ได้ ความง่ายคือ ถ้ากลับเข้าฝั่ง ความลึกมันจะลดลงเรื่อยๆ แต่ความยากคือ เราไม่เข้าฝั่ง… ไปเข้าอีกฝั่งนึง เกือบเข้าเกาะละ จนพี่เค้าต้องให้เราตั้งหลักใหม่ ฮะๆๆๆ แล้วนี่คือ การดำน้ำแบบ Shore Dive แรกของเราเลย คือ ดำน้ำแล้วเดินขึ้นฝั่ง คือปกติไปเรือนี่ก็ขึ้นที่เรือใช่มะ อันนี้คือ เดินขึ้นมาที่ฝั่ง แล้วคิดดูว่า ตอนเราดำนำ้แล้วโผล่ขึ้นมา แล้วมีนักท่องเที่ยวกำลังนอนริมหาด แล้วอยู่ๆมีคนสะพายถังอากาศขึ้นมาจากทะเลอ่ะ ค่ดเท่ 55555

https://plus.google.com/u/0/+PatamaRamchune/posts/dKJsDSwEfhL

จากนั้นอั๋นขอเรียน Enrich Air Diver หรือที่ใครๆก็เรียกว่า Nitrox หลักๆคือการรู้วิธีการคำนวนและตรวจสอบถังที่เราจะใช้

dsc_0027

ใช่ค่ะ เรานั่งเรียนกันที่พื้น ชิลๆแบบนี้เลย

แล้วเราก็จบหลักสูตรแล้ว เย้ๆ Advanced แล้ว ไปไหนก็ได้ ขอบคุณพี่ตู่และทีมงาน น้องแมททิว น้องสร และน้องเพชร ที่นั่งเล่น RoV กันระหว่างรอข้าวเย็น และระหว่างทางกลับกรุงเทพ 555

dsc_0034

ที่เสียใจตอนนี้คือ กล้องมือถือถ่ายไม่ดีเลย รู้งี้เอา GoPro มาดีกว่า :/

ปล. ซึ่งสกีลก็จะมีอีกมากมายให้เรียนแล้วแต่จะเลือก เช่น หาของในทะเล ดำน้ำดูซากเรือ ใช้เครื่องยนต์ช่วยดำน้ำ ถ่ายภาพ หาปลา อะไรแบบนี้ พวกหาปลาก็ยากไป เราว่าเราโง่ แยกปลาไม่ออก ฮะๆๆๆ

ปล. อีกที ทริปนี้เตรียมตัวดีมาก ก่อนไปเรียน เราไปทริป Live abroad ที่ระยอง กับเรือ Mv. January Princess ก่อน ต้องขอบคุณพี่หมึกมากๆ ที่คล้ายๆจะเทรนให้ หลังจากทริปนั้น เราว่าเราลอยตัวดีขึ้นมากๆเลย

ปล. อีกรอบ Pina Colada ร้านนี้อร่อยมาก กินวันละสองสามแก้ว ฮือออออ

dsc_0038

บันทึกป้าฟิตเนส: ทดลองเป็นป้าฟิตเนสโยคะ

สวัสดีค่ะ ช่วงตั้งแต่ปีใหม่มา ป้าได้ไปสมัครยิมแถวที่ทำงานเพื่อเล่น Pilates Reformer โดยเฉพาะแล้ว หลังจากที่ตั้งเป้ามาสองสามปีละไม่มีโอกาสได้ไปซักที

Pilates Reformer เป็นการออกกำลังกายด้วยการเคลื่อนไหว โดยท่าทางที่เล่นนั้นเค้าว่าถูกออกแบบให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่ายกาย ใช้งานได้อย่างสมส่วน โดยใช้เครื่องแรงต้านช่วย มีคนบอกว่า เป็น คลาส core abs แบบโยคะ ถ้าคลาสไหนหนักๆ กลับบ้านได้มีปวดเมื่อยตลอดค่ะ ช่วงแรกๆที่เล่นนี่ เล่นเสร็จ ไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือสระผม แต่ว่า ถูกใจป้ามากๆ เท่าที่เคยเล่น ก็จะมียิมอยู่สามที่ คือ ยิมที่หนึ่ง ยิมของพวกเรา แล้วก็ โยคะแท้จริง ซึ่งเท่าที่ลองเล่นมา ยิมพวกเรา กับโยคะแท้จริงจะคล้ายๆกัน ก็คือ เอาครูโยคะมาสอนคลาสแต่ละคลาสโดยเฉพาะเลย ส่วนยิมที่หนึ่ง ก็เป็นเทรนเนอร์ที่ยิมนั้นแหล่ะมาสอน ซึ่งก็เป็นปกติของยิมที่นี่ ที่เทรนเนอร์มาสอนอยู่แล้ว

จริงๆเราไม่สนใจอยู่แล้ว ว่าคนสอนจะเป็นเทรนเนอร์ หรือครูโยคะเฉพาะทางนะ เพราะยังไง จะสอนคลาสไหน เค้าก็ต้องมีใบรับรองกันอยู่แล้ว แต่ที่เคยเข้าที่ยิมที่หนึ่งแล้วรู้สึกว่า แทนที่จะได้เล่นโยคะละดูเหมือนคลาส Free style group training มากกว่า เล่นเสร็จแล้ว ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรเลย ไม่เหมือนตอนเล่นกับครูสอนโยคะเลย เลยไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่คิดว่าอาจจะเพราะเราดันไปเข้าคลาสที่ all body ล่ะมั้ง แต่ว่า เค้าไม่มีแยกให้เห็นในตารางคลาสที่แชร์ไว้ เหมือนกับคนเล่นประจำจะรู้กันเองว่า วันนี้เล่นอะไร แนวไหน กี่นาที

DSC_0054.jpg

ปกติ ที่ๆเค้ามีคลาส pilates จริงจัง ก็จะมีแบ่งเป็นลำดับ ก็คือ เริ่มจาก Pilates Foundation คือ เพื่อให้รู้ว่า เครื่องใช้งานยังไง ปรับเครื่องยังไง ท่าแต่ละท่าเรียกอะไร หายใจยังไง เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับเครื่อง Reformer เมื่อเล่นได้ระดับหนึ่งแล้ว ก็มีคลาสแยกอีกก็คือ Butt and thigh, abs arm back หรือ strength and toning สำหรับป้า ก็จะเล่น อาทิตย์ละสามวัน ตามนี้เลย วันไหนคิดว่า ไม่น่าจะมีงาน ก็อาจจะเล่นวันละสองชั่วโมงได้

DSC_0027.jpg

หลังจากเล่นมาได้ซักเดือนนึงแล้ว รู้สึกสนุกดี แต่เพราะป้าช่วงนี้ไม่ค่อยสบายบ่อยมาก และบวกกับบางทีก็ยุ่งๆ บางอาทิตย์เลยไปได้แค่วันสองวัน เลยยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างอะไรมาก แต่ว่า ถ้าถามว่าชอบมั้ย คือชอบความรู้สึกตอนเลิกคลาสมาก เป็น Satisfied pain ประหนึ่งเล่นบอดี้ปั้มมาเลย รู้สึกสบายตัวดี แต่ก็เหนื่อยจนไม่อยากจะอาบน้ำเลย

ถ้าให้เทียบ ยังไงก็ชอบคลาสที่เป็นโยคะจริงๆอยู่แล้ว ตอนไปที่ยิมที่หนึ่งมีส่วนนึงที่ไม่ชอบมากๆก็คือ เมื่อจบคลาส เค้าจะให้เก็บเครื่องโดยการใส่สปริงแรงต้านทุกตัว ให้เหมือนพร้อมเล่น ใส่ jump board ไว้ที่ platform และใส่ สาย strap ที่จับห้อยไว้ที่ที่รองไหล่ ซึ่ง จริงๆไม่ควรเป็นแบบนั้น การเก็บเครื่องแรงต้าน มันควรที่จะ ปล่อยให้สปริงไม่โดนยืดนะ กลัวมันจะเสื่อมสภาพก่อนจริงๆ แล้วเอาจัมป์บอร์ดวางไว้ที่ platform เราก็กลัวก้านมันจะหักซะก่อน ถ้าเป็นที่ยิมพวกเรา เค้าก็จะให้เช็ดทำความสะอาดเครื่อง แล้วปล่อยให้สปริงและตัวเครื่องอยู่แบบ neutral คือไม่โดนยืดทิ้งไว้ พร้อมให้คนที่จะเล่นต่อใช้ได้เลย ไม่ต้องเช็ดก่อนเล่น เราชอบการให้คนที่เล่นช่วยกันดูแลรักษาเครื่องมือที่เล่นแบบนี้มากกว่า

DSC_0055.jpg

เราคิดว่า Nuetral stage ไม่ควรอยู่ในระดับนี้นะ สายแรงต้านไม่ควรโดนยืดทิ้งไว้ และ Jumpboard (อันสีดำใหญ่) ไม่ควรวางทิ้งไว้แบบนี้ด้วย

DSC_0064.jpg

นี่ ตอนเล่นเสร็จควรให้สปริงอยู่แบบนี้ดีกว่านะ

ก็ สนุกจริงๆ ตอนนี้ชอบคลาสนี้มากที่สุดละ มีปัญหาแค่ตอนที่เล่นก็ต้องจองล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน แล้วต้องโทรจองประมาณเจ็ดโมงครึ่ง ถ้าโทรไปสิบโมง ก็มีสิทธิ์ที่จะเต็มแล้ว ดีมานด์สูงน่าดู จริงๆเล่นซักหกคลาส ก็คุ้มค่าสมาชิกรายเดือนละ ลองดูซักสองสามเดือนว่าจะแข็งแกร่งขึ้นมั้ย ฮะๆๆ สู้ๆครัฟ

As you were

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาค่ะ ได้ไปดูคอนเสิร์ตของ เลียม กัลลาเกอร์ ที่ไบเทคบางนามา

DSC_0003.jpg

ขอเกริ่นก่อนว่า ปกติอั๋นจะฟังเพลงใหม่ๆจากการกดแรนดอมเพลย์ลิสต์แล้วก็ออกกำลังกายไป ฟังเพลงไป แต่ครั้งแรกที่อั๋นได้ฟังเพลง Wall of Glass จากใน Jook เมื่อปลายปีที่ผ่านมา บอกเลยว่าเป็นไม่กี่เพลงที่ฟังแบบแรนดอมแล้วต้องมาดูว่า เฮ้ย! นี่เพลงใครวะ โคตรเจ๋ง แล้วก็พบว่า โห นี่เพลงของ ป๋าเลียม กัลลาเกอร์ ณ โอเอซิส นี่หว่า ว่าแล้ว ก็เลยไปหาฟังเพลงอื่นจากอัลบัม As you were มาฟัง ซึ่งแบบ เฮ้ยแก มันดี แล้วก็ส่งให้เพื่อนฟังด้วย เพื่อนก็ชอบ จากนั้นอีกไม่กี่วัน ก็มีข่าวว่าเค้าจะมาเปิดคอนเสิร์ตในไทยค่ะ เลยชวนเพื่อนไปดู ป่ะแก ไปดูกันเถิด ไม่รู้อีกกี่ปีเค้าจะมาบ้านเราอีก บอกเลยว่า ตื่นเต้นมาก ฟังเพลงอัลบัม As you were ซ้ำหลายรอบมาก และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึงค่ะ

DSC_0012

เราว่าวงของเค้าเล่นดีมาก เราชอบท่าไขว้หลังแล้วเอียงตัวนิดๆ ของป๋าเลียมมาก แล้วก็ชอบที่เค้าร้องไป เล่นเปอร์กัชชั่นไป นี่มันคาแรคเตอร์เดิมตั้งแต่แกร้องกับวงโอเอซิสเลย เท่มากมาย เพลงต่างๆที่เค้าเล่น เป็นเพลงที่เราอยากฟังทั้งนั้น เล่นทั้งเพลงของโอเอซิส และเพลงจากอัลบัมใหม่เลย แต่ก็นะ เอาแอบอยากฟังเพลงจากอัลบัมใหม่เยอะกว่านี้ นี่มันคอนเสิร์ตเลียม กัลลาเกอร์นะเฟร้ย ไม่ได้คอนโอเอซิส ฮะๆๆ

คอนเสิร์ต เอาจริงๆ เราว่าไม่สุดทั้งคนดู(ที่ตั้งใจดู) และแอบรู้สึกว่าคนเล่นก็ไม่สุดนะ ทำไมเราจับสัญญาณความไม่พอใจอะไรบางอย่างจากเค้าได้ แต่บางคนก็บอกว่า คอนเสิร์ตนี้ เลียมแม่ง เลียมจริงๆ ร้องจบปุ๊บ กลับเลย เออ… นะ นี่ก็ดูตามเซตเพลย์ลิสต์ก็เฮ้ย เพลง Wonderwall มันน่าจะเป็นเพลงปิดสุดท้ายหนิหว่า น่าจะเป็นช่วง encore ด้วยซ้ำ อยู่ๆเค้าก็เล่นเพลงนี้เฉยเลย…เฮ้ย คอนเสิร์ตจะจบแล้วเรอะ บ้านรีบมาก แต่ก็นะ บางคนก็ หวังว่าอยากจะฟังบางเพลง ตามที่ผู้จัดประกาศไว้ว่า เล่นแน่ๆ แต่พี่แกไม่เล่น อาจจะเซ็งๆไปบ้าง แต่สำหรับเรา เพลย์ลิสต์เซตนี้ก็โอเคแล้ว เพราะมันสิ่งที่ไม่โอเคมากกว่าเพลงที่เค้าไม่ได้เล่น

ส่วนที่ไม่ชอบ แต่พอรับได้ (แต่บางคนก็รับไม่ได้ อันนี้ไม่ว่า เค้าอาจจะเจอหนักกว่าเรา) คือคนฟังเกรียนๆ ไม่ได้เจาะจงนะว่าเป็นฝรั่งเมาเรื้อน แต่แบบ ทำไมต้องทำตัวเถื่อนกันด้วย ค่าตั๋วแพงๆนี่ไม่ได้คัดกรองผู้ชมเลยอ่ะ มีทั้งโยนแก้วเบียร์ โยนขวด เมาเรื้อน สูบบุหรี่ เห็นบางคนบอกมีคนเป็นลมด้วย ต้องหามออกกันเอง การ์ดก็แทบไม่ตรวจอะไรเลย นี่แบบ บุหรี่อ่ะแก สูบกันในฮอลล์ได้ไง อีฝรั่งข้างหน้าเราก็อยู่ๆก็โยนขวดน้ำที่ยังมีน้ำอยู่เลย โยนออกไปเฉย ฝรั่งข้างหลังก้เต้นจนเบียร์ในแก้วกระเด็นมาโดนเราอีก แต่ดีหน่อยที่เค้าตกใจแล้วขอโทษ อาจจะมันไปหน่อย เราไม่ว่ากัน แต่แบบ ถ้ามีบ่อยแบบการ์ดมาเตือนแล้วยังไม่หยุด มันควรโดนลากออกไปละมะ หงุดหงิดแทนคนที่โดนหนักกว่าเรา

บางคนก็มนุษย์กล้องเหลือเกิน จะอัดคลิกกันทั้งเพลงเลยมั้ยคะ อยากได้วิดีโอเก็บไว้ทำไม กล้องมือถือมันเก็บเสียงได้ดีขนาดนั้นเลยหรอ อยากดูชัดๆ 4k นี่ youtube ก็มีให้นะ แม่งบังคนข้างหลังรู้มั้ย เราว่าเราตัวสูงแล้ว ยังโดนวิวมือถือบล๊อคเลยอ่ะ

สิ่งที่ไม่ชอบมากๆสำหรับคอนเสิร์ตนี้คือเครื่องเสียงระดับงานวัด นี่แบบพอเสียงจากอินโทรเพลง Fuckin’ in the Bushes ขึ้น สิ่งแรกที่เราคิดคือ โห…เสียงค่ดแย่ เรียกเสียงโคตรเxย ก็น่าจะได้ เสียงแบบ บัตรสามพันหกข้างหลังไม่มีลำโพงอ่ะ แถมเสียงสูงที่เกินความสามารถลำโพงงานวัดก็แตกซะน่าเกลียดมาก แม้แต่ความเท่ของ Rock ‘n’ Roll Star ก็ยังกลบความแย่ของเครื่องเสียงไม่ได้ ระหว่างที่ฟัง ก็แอบให้กำลังใจ sound engineer ไปด้วย เราก็เห็นนะว่า พวกเครื่องมิกซ์เซอร์ มอนิเตอร์นี่ค่อนข้างเต็มที่พอสมควร แต่เสียงก็ยังแย่อยู่ดี กว่าที่เราจะรู้สึกว่าเสียงดีขึ้นแล้ว ก็ประมาณเพลงที่สิบแล้ว คือแบบ เสียงเธอจะแย่แบบลำโพงแตกก็ได้ แต่เธอจะทำเสียงกีต้าร์ในเพลง Wall of Glass หายไม่ได้ โอ้ยยยย For what it worth ก็ได้ยินแต่เสียงนักร้อง กับเสียงกีต้าร์แบบ หง่าวๆๆๆ ฮืออ บัตรถูกข้างหลัง ก็ต้องทนฟังห่วยๆแบบนี้น่ะหรอ กว่าเราจะรู้สึกว่าเสียงจะเริ่มเข้าที่ก็ไปเพลงที่เก้าทีสิบไปแล้ว

DSC_0010

สู้ๆนะคะคุณพี่

คืออย่าเข้าใจผิดว่าเราว่าคอนเสิร์ตห่วยนะ คือวงเค้าเล่นดีจริงๆ เราชอบเพลงที่เค้าเล่นและการแสดงมาก แต่ด้วยข้อจำกัดทางด้านเสียงนี่ เรารับไม่ได้จริงๆ แต่ก็นะ เพื่อนบอกว่า ไบเทคมันก็ขึ้นชื่อเรื่องเสียงห่วยอยู่แล้ว ได้แต่ทำใจ อย่างน้อยก็ได้ดู Gigs หนึ่งในตำนานล่ะวะ

สุดท้าย เราไม่รู้ว่าไม่ค่อยได้ขึ้นรถไฟฟ้านานไปรึเปล่า แต่แบบโฆษณามีเต็มไปหมดเลย

DSC_0014

NiHao 2018

นั่งเขียนในวันสุดท้ายของการทำงาน ที่แทบไม่มีงานให้ทำ นี่กด timesheet เป็น Team support เป็นเดือนที่สองแล้ว

ปีนี้เป็นอีกปีที่หนักมากจริงๆ เที่ยวหนักมาก ดีใจมาก เสียใจมาก จ่ายหนักมาก รับเยอะมาก งานเยอะมาก งานน้อยมาก ร้องไห้หนักมากๆ 2017 in review น่าจะประมาณนี้

  • ว่างงานสี่เดือนแรก และสองเดือนสุดท้าย
  • เงินเดือนขึ้น และได้เพิ่มตอนไปทำงานที่ไซต์ลูกค้า
  • ทำงานไซต์ลูกค้าครั้งแรก คิดว่าจะแย่ แต่มันดีมากเลย แกร๊….งานดีย์ ป้าชอบ
  • แต่ เปลี่ยน specialist อีกแล้วหง่ะ โว้….
  • จัดทริปวู่วามให้ตัวเอง ทั้งๆที่ไม่พร้อม มีทั้งตั๋วคอนเสิร์ตญี่ปุ่น และ ดำน้ำ โดยไม่ทำรีสกีล
  • เข้าคอร์สเรียนภาษาจีน แต่เรียนไม่จบ เพราะป่วยซะก่อน
  • กางเต้นนอน เดินป่า ปีนเขา ดูคอนเสิร์ตกลางสายฝน ดำน้ำลึก ดูการแข่ง F1 อ้วกแตก บวกกับทริปทะเลแทบทุกเดือน
  • เมาจนวาร์ป ครั้งแรก ครั้งเดียว ครั้งสุดท้าย
  • ได้เล่น Pilates reformer แล้ว ปีหน้าน่าจะเล่นเยอะขึ้น
  • น้ำหนักลดแรงมาก
  • งานนอกติดต่อมาเยอะมาก ต้นๆปี ปฏิเสธไปหลายราย เพราะไม่สบาย เสียการเสียงานชิบหาย
  • ที่บ้านมีปัญหาหนักมาก
  • ที่บ้านตั้งบริษัท
  • น้องชายแต่งงานแล้ว
  • ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เราป่วยจนเสียการเสียงาน เสียตังจองทริป เพราะโดนผู้ชายที่คุยด้วยมานาน เรียกความสัมพันธ์ที่เค้าเองที่ทำให้วุ่นวายว่าวงจรอุบาศว์
  • ทำให้ทริปซื้อสองคนต้องไปแค่หนึ่งคน แต่ก็จบได้ด้วยดี ดีมากๆ ขอบคุณมากนะที่กลับมา แต่ไม่เคยลืมนะ ว่าทำอะไรเราเอาไว้
  • อย่าไปให้ความหวังใครตอนที่ยังเศร้าอยู่ มันแทนกันไม่ได้ มีแต่จะทำเค้าเสียใจ
  • การให้อภัยให้คนที่รัก มันมีจริงๆ ปีนี้เจอมาสามสี่คู่ (แต่มีคู่เดียวที่ไม่ได้ไปต่อ) เรารู้ว่า nobody perfect แต่คนที่ได้เรียนรู้ แล้วพยายามปรับตัว ก็สมควรได้รับการให้อภัย แต่เรารู้ได้เลยว่า ถึงข้างนอกจะดูว่าเค้ากลับไปรักกันแล้ว แต่เชื่อได้เลยว่า อีกคนนึงเค้าไม่มีวันลืมหรอก

เป้าหมายปี 2018 นี่ คิดว่า

  • มีรายได้รวม เดือนละแสน
  • เริ่มอยากกลับมาลดน้ำหนักแล้วนะ หลังจาก น้ำหนักลด มีแต่คนชมว่าสวย เคยได้ยินว่า สวยจนแฟนเก่าคิดถึงมั้ย… อยากได้ประมาณนั้นอ่ะ แต่ถ้าบอกว่า ปีนี้จะลดน้ำหนัก ก็อาจจะเหมือนลุงๆแถวนี้บอกว่าปีนี้จะยิ้มแย้มนั้นแหล่ะ
    DR-AQQAVAAA1owm.jpg
  • เรียน surf เรียน advance open water ตอนนี้ จองคอร์สไว้ละ แถมมีกล้อง goPro แล้วด้วย
  • เรียนภาษาจีนต่อ จริงๆช่วงนี้ก็เรียนเองเรื่อยๆนะ ขอบคุณเทคโนโลยี
  • เที่ยวเยอะๆ ปีนี้อยากไปบาหลี อยากไปปีนเขาในไทยหลายๆที่หน่อย แล้วก็ไปเล่นหิมะ จริงๆเราไม่ได้อยากจะเล่นหรอก แต่มีคนอยากเล่น 🙂
  • แหม่…ตั้งเป้าหมายซะแบบแทบจะลืมว่าปีหน้าอายุเท่าไหร่แล้ว อิอิ ไม่เป็นไร เราแข็งแรง

ขอให้ปีนี้ เป็นปีที่ดี

เสพดนตรี

ปีนี้ เสียเงินกับการเสพมหรสรรพเยอะเหมือนกัน พอดีอยู่ๆก็นึกถึงการเสพดนตรีสมัยวัยที่ยังไม่มีเงิน (ตอนนี้ก็ยังไม่มีเงิน) นอกจากการไปดูดนตรีสดๆ เมื่อก่อนเราสามารถฟินไปกับดนตรีได้ยังไง

เพราะเราเป็นนักดนตรีไง สิ่งที่ทำให้เราฟินมากๆคือการได้ฟังดนตรีแล้ววิเคราะห์ไปถึงว่า เพลงนี้มีเครื่องดนตรีอะไรบ้าง แทรกนี้มีไลน์ดนตรีเล่นยังไง กีต้าร์ intro ยังไง ถ้าเพลงไหนชอบมากๆก็จะฝึกเล่นด้วยเลย นี่ตัวอย่างเพลงที่อั๋นฟังแล้วพยายามฟังว่าช่วงนี้มีดนตรีอะไร เล่นยังไง ประสานเสียงร้องยังไง อะไรประมาณนี้เลยนะ เป็นเพลงที่ชอบที่ชอบที่สุดเท่าที่เคยทำ cover มาเลย
สิ่งที่ชอบทำสมัยเรียนก็คือ ฟังเพลงที่ชอบแล้วเล่นทีละแทรกแล้วอัดเสียงดนตรีที่เล่นทีละแทรกแล้วเอามาใส่รวมกัน เพลงไหนที่เราชอบแล้วมีการแยกแบบ vocal only, guitar only, music only อะไรแบบนี้จะฟินมากเป็นพิเศษ
สมัยก่อนเราจะพักอยู่บ้านอา อาจะชอบโหลดเพลงยุคเก่าๆแบบ 60s-80s มา แล้วจะเป็นเสียงคุณภาพดี แล้วเอามาแบ่งให้กันฟัง จะมีเพลงแนวแบบ Queen แยกไลน์ดนตรีมาด้วย คือแบบ ได้ฟังแบบนี้จะฟินมากกก ตัวอย่างการเสพดนตรีของเราสมัยก่อน จะเป็นแนวนี้
ซึ่งเหมือนจะเคยอ่านมาเค้าบอกว่าเพลง Bohemian Rhapsody จะมีการอัดทั้งหมด 24 track!!! สุดยอดไปเลย >.,< สมัยก่อนก็เลยมีความคิดว่า อยากจะมีหูฟังดีๆ เครื่องเสียงดีๆ จะได้นั่งฟังเพลงแบบฟินๆ อาห์….โอ้ยย นั่งฟังไปแล้ว น้ำตาจะไหล

[Play] ชวนเพื่อนมาถ่ายรูป

DUKADUKE

เดือนก่อนโน้นนนนน (แสดงว่าหลายเดือนแล้วนะ)
มีโอกาสได้ไป Bangkok Screening Room ซึ่งเป็นโรงหนังเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่แถวเส้นสีลม
เดินหาตั้งนาน กว่าจะเจอ ขึ้นไปก็ เหยยย สวยดี โทนขาว น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ดูคลาสสิค

เรื่องของเรื่องคือ ไปเพื่อจะดูหนังเรื่อง Homme Less เลยนัดเพื่อนไว้ บอกเพื่อนว่า แต่งตัวมาดีๆ นะ ขอเชิ้ตขาว เราจะได้พกกล้องไปถ่ายมันด้วย (จริงๆ คือมันบอกให้เราอ่ะพกกล้องมาด้วย มาถ่ายให้มันหน่อย สรุปว่าตูโดนใช้งานสินะ)

แล้วมันก็แต่งมาตามที่สั่งจริงๆ จ้า….สวยเลย เหมาะแก่การถ่ายรูปด้วยเลนส์มือหมุนกากๆ ของเรา

ปิดหน้าปิดตา

นี่ใช้เพื่อนถ่ายรูป แต่ตัวเองคุยกับแฟนเหรออออ? หืมมมมมมม? ตอบบบบบ?

ภายถ่ายตราเด็กสมบูรณ์ กินอิ่มแล้วนอนหลับบนพื้นที่ว่าง

จ้าาาา จบแล้ว สวัสดี 🙂

View original post