Hi you are awesome!

เออ เมื่อกี้เปิด PhotoBooth เครื่องตัวเองค่ะ อยู่ๆก็เจอรูปนึงถ่ายเอาไว้ เรื่องนี้ลืมไปแล้ว ว่าสมัยที่อยู่เยอรมัน ไปเที่ยวที่บาร์ ตอนทีรุ่นพี่คนนึงจัดงานเลี้ยงส่ง มีคนมาขอเบอร์ค่ะคุณ… หนุ่มสเปน คือ จำหน้าไม่ได้แล้วเอาจริง มาขอเบอร์แล้วเราก็บอกว่า จำไม่ได้หรอก เค้าก็บอก โห นี้มันมุขคลาสสิกของนักเรียนสาวจากต่างแดนรึเปล่า เค้าก็เลย เอาเบอร์ตัวเองให้เราค่ะ

ให้มาแบบนี้ค่ะคุ้ณณณณณ

Photo on 3-29-13 at 3.09 AM

อีบร้าาาาาาา เปอร์มาร์เน้นท ด้วยมั้งเนี้ย

ไม่ได้โทรหรอก คือจำหน้าไม่ได้ แต่คงไม่หล่อ เลยไม่โทรกลับ ฮะๆๆๆ

Das ist für abfliegen ka

อย่างที่รู้ๆกันค่ะ ภาษาเยอรมันของอั๋นนี้ น่าจะมีน้อยกว่าคำว่า Ein bisschen อีกมั้ง เดี๋ยวเล่าเรื่องวันสุดท้ายๆจริงๆกับการเดินทางครั้งนี้ของเราให้ฟัง

วันที่อั๋นแลนด์ดิ้งลงไทยแลนด์แดนสไมล์ สไตล์กูเนี้ยนะคะ ข้างๆอั๋นมีคนเยอรมันสองคน สูงอายุแล้วหล่ะ เค้ามาด้วยกัน คนนึงพูดอังกฤษไม่ได้เลย อีกคนก็ภาษาอังกฤษนิดหน่อย คือมันจะไม่อะไรหรอกค่ะ ถ้าตอนแลนด์ดิ้งลงประเทศไทย เค้าไม่ต้องเขียนใบ Arrival card เนี้ย ถ้านึกไม่ออก ลองดูภาพนี้นะคะ

arrival departure card 4 TM 6

ก็บัตรก็ประมาณนี้แหล่ะ มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เรื่องของเรื่องคือ คนข้างๆของอั๋น เค้าเป็นคนเยอรมันไง มันไม่ได้มีภาษาเยอรมันให้นะคะ แล้วก็ไม่ใช่ฝรั่งทุกคนจะอ่านภาษาอังกฤษออก

พอก่อนจะลง แอร์โฮสเตรส ก็จะแจกใบนี้ให้ผู้โดยสารคนละใบ เราก็กรอกไปไง แอบดูคนข้างๆ เห็นเค้ามีฟอร์มตัวอย่างปริ้นท์มาแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ อ้าว! เขียนผิดใบค่ะ อย่างที่เห็นในรูปคือ ใบเดียว สามารถใช้ได้ทั้ง ขาเข้าและขาออก ทีนี้ พอเราจะเข้าไทย เราก็ต้องเขียนที่หน้าบัตรเขาเข้า (Arrival Card) คราวนี้ คนข้างๆมีปากกาด้ามเดียวค่ะ พออั๋นเขียนเสร็จ เค้าก็ทำท่าขอยืมปากกา เราเลยให้เค้า แล้วเลยถือโอกาสแอบดู แต่ฝรั่งข้างๆ เขียนผิดด้านค่ะ ไปเขียนขาออก (Departure Card) แทน แถมยังดูงงๆว่าทำไมไม่เหมือนใบที่ตัวเองปริ้นท์มา

ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นคนเยอรมัน ก็บอกเค้าว่า Sir, This is for departure, you have to write on arrival card. เค้างงค่ะ ชิท กูพูดอะไรผิดรึเปล่าคะ แอบเหลือบไปดูพาสปอร์ต ชิท ชิท คนเยอรมัน!!! แถมเขียนตรงช่องสัญชาติเป็นภาษาเยอรมันอีก เขียนว่า Deutsch เฉยเลย แทนที่จะเขียนว่า German กูจะบอกเค้ายังไงดี ภาษาเยอรมันยิ่งอ่อนแออยู่

“เอออ Entschuldigung เออ Das ist nitch gut นะ” (ขอโทษค่ะ อันนี้ไม่ใช่นะคะ) เค้าก็เหมือนจะตกใจ แล้ว departure ภาษาเยอรมันว่าอะไรวะ อ๋อ บินคือ ฟลีเก้น เราเรียน trennbare Verben แล้ว อืม ถ้ามันขึ้นคงเป็น ab- ซินะ

“Das ist für abfliegen, Das ist nitch gut” (อันนั้นสำหรับตอนบินขึ้น มันไม่ใช่นะ)  แล้วเค้าก็งงๆ และด้วยความที่ไม่รู้ว่าใช่คำว่า abfliegen รึเปล่า เราเลยทำแขนแบบ เลื่อนเป็นรูปเครื่องบินขึ้นให้เค้าดู เราก็บอกว่า “neue schreiben นะ noch zwei mal” แล้วก็ลุกไปขอใหม่อีกสองอันเอามาให้เค้า เค้าก็เอามาเขียนใหม่

“Schreiben hier โอเค้” คราวนี้ เค้าก็เอามาเขียนใหม่ แล้วฝรั่งข้างๆอั๋น แก่แล้วแหล่ะ เขียนช้ามาก ดูงงๆด้วย เราเลยอาสาจะเขียนให้ “เออ Ich schreibe fur dich okay?” (ฉันเขียนให้เธอมั้ย) คือเข้าใจว่าตอนนั้นเราคงนึกคำสุดภาพไม่ออก เลยใช้คำว่า dich แทนที่จะใช้คำว่า Sie แต่เค้าเข้าใจแหล่ะ แล้วให้เราเขียนแทน เราก็ กรอกเท่าที่รู้ เพราะเค้าเอาพาสปอร์ตตัวเองให้เรา ส่วนคนที่นั่งถัดไปก็เขียนเอง แต่เขียนตามเราไป พวก ชื่อ สัญชาติ ไอ้พวกหน้าแรกๆก็ไม่ยากเท่าไหร่ เราก็ถามง่ายๆ แล้วก็ให้เค้าเซ็น “Und Ihr unterschrift heir”

คราวนี้ เราก็นึกว่า จะหมดแล้วไง เพราะคนไทย ไม่ต้องมีหน้าสอง แต่ฝรั่งเค้าต้องเขียนค่ะ ชิท ชิท ชิท!  แล้วเค้าก็ไม่รู้ภาษาอังกฤษเนี้ยนะ ยังดีที่อีกคนพอรู้บ้าง ไม่ใช่ว่าอั๋นจะพูดเยอรมันทั้งหมดนะ อันนั้นก็เทพเกิน

สามข้อแรกก็คงเหมือนๆเราแหล่ะ แล้วข้อสาม ถามว่าไปพักที่ไหน เราก็ถามง่ายๆเลย “You stay at hotel or your friend’s house?” เพราะดูจากท่าทางไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว คงไม่พักโฮสเทลหรือเกสเฮาท์อะไรหรอก ยิ่งพูดอังกฤษกันไม่ได้ คงต้องมีคนมารับแน่ๆ เค้าก็บอกว่าพักบ้านเพื่อนก่อน แล้วค่อยไปโรงแรม เราก็กาไปสองอันเลย อันถัดไปถามว่ามาเมืองไทยทำไม โอ้ย นึกอะไรไม่ออกฮะ นึกออกอยู่คำเดียว “Travel? เอออ Urlaub oder…..? (Urlaub คือ วันหยุด) โอเค “อุนด์ income?” นี้นึกไม่ออกจริงๆ แต่เค้าเห็นตัวเลขแล้วเค้าคงนึกออก ไม่ยากๆ Yearly ด้วย ก็เขียนไป

คราวนี้ ช่องที่ต้องกรอก ถามอาชีพ เราก็นึกออกอยู่แค่คำว่า ทำงาน “เออ Arbeiten?” เหมือนเค้าจะรู้ จำไม่ได้ว่าเค้าทำอาชีพอะไร ไม่รู้ว่าเพราะเราบอก หรือเค้าอ่านเอง ฮะๆๆ ส่วนถัดไปก็ถามว่ามาจากไหน อันนี้เรารู้ๆ ถามมั่นใจเลย “Wo in Deutschland?” แล้วเค้าก็เอาพาสปอร์ตให้ดู เห็นมั้ย ง่ายๆ ส่วน From เราก็ถามว่า “เออ Wo….Sie เออ (อะไรดีวะ) Abfliegen? เออ Was ist die Flughafen?” (Wo คือ ที่ไหน, Was คือ อะไร, Flughafen คือ สนามบิน) เค้าก็ทำหน้าเข้าใจด้วย บอกว่าบินมาจากเฟรงเฟิร์ต (เหยดดด เข้าใจด้วยอ่ะ แต่ไปเช็คมานี้ เค้าน่าจะใช้คำว่า Der Flughafen แทนที่จะเป็น Die นะ แต่ช่างเหอะ)

ในที่สุดก็เสร็จจนได้ กรี๊ดๆ ดีจัยช่วยฝรั่งเยอรมันได้สองคนกับภาษาเยอรมันง่อยๆ โครตๆ พอเขียนเสร็จเค้าก็ขอบคุณเราใหญ่เลย คุณลุงก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ทำจีบนิ้วชี้กะนิ้วโป้ง แล้วจุ๊บปากตัวเอง ประมาณว่า โห เรียบร้อย ขอบคุณ Danke Danke ฮิฮิ

ขากลับ ก็แยกกันละ เราก็ฝากได้แค่ว่า Schöne Urlab นะ บ้ายบาย เค้าก็ยิ้มให้ แล้วเราก็แยกกัน ปิดฉากเที่ยวเยอรมันของเราด้วยความรู้สึกดีใจ ปนเสียใจนิด รู้สึกผิดที่ภาษาเยอรมันเราก็ยังง่อยอยู่เหมือนเดิม เฮ้อ…

ไปไหนไม่ไป ไป Chemnitz

สวัสดีค่ะ วันนี้จะเขียนบล็อคพาเที่ยวเหมือนเดิม รอบนี้ อั๋นไปหาเพื่อนคนไทยที่สนิทกันมากๆ เรียน ป.โท ด้วยกัน เค้าอยู่คนละทิศกับอาเค่น เมืองที่อั๋นอยู่เลย เพื่อนชื่อ ธี ค่ะ ไปฝึกงานและทำ ธีสิตที่เมือง Chemnitz ตื่นเต้นกันตั้งแต่วันเดินทางเลยขอบอก

เริ่มด้วยช่วงอาทิตย์นั้น ทาง Aachen เค้าจัดทริปไปเที่ยว ปราก กัน ทำให้เพื่อนคนต่างชาติอีกสามคนของอั่นเค้าจะไปปรากกันหมดเลย คราวนี้ ธีก็อยากไปปรากเหมือนกัน เนื่องด้วย เคมนิช ห่างจากปรากแค่สองชั่วโมงโดยรถไฟ เราเลยวางแผนกันว่า จะไปเที่ยวปรากด้วยเหมือนกัน แต่อั๋นจะไม่ไปกับเพื่อนๆจากอาเค่น แต่จะไปแวะหาธีก่อน แล้วเราก็ค่อยนั่งรถไฟไปปรากวันถัดไป

เริ่มต้นด้วยอั๋นได้ตั๋วรถนอนกลางคืนที่วิ่งยาวไปเดรสเด้นเลย เดรสเด้นก็เป็นเมืองหลวงของรัฐนั้น แต่อั๋นก็ต้องไปขึ้นรถไฟที่ Wuppertal เพื่อจะขึ้นรถนอน IC ไปเดรสเด้น (รถไฟคันนี้ก็ยิงยาวไปเช็คริพลับบลิค ไปโปแลนด์เลยนะ ขอบอก) คราวนี้ที่ว่าตื่นเต้นคือ รถไฟดีเลย์ค่ะ คือรถไฟ IC นี้เป็นอะไรที่อั๋นคิดว่า ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็จะหลีกแล้ว แต่ต้องไปเพราะมันวิ่งกลางคืน ยิงยาวๆ แล้วสองเมืองนี้นะ ไกลกันแบบ เยอรมันด้านซ้าย ไป เยอรมันด้านขวาเลย ห่างกันประมาณห้าร้อยกิโลเมตร ถ้ารถวิ่งก็ห้าชั่วโมงกว่า แต่ถ้าเป็น IC ก็ซักเจ็ดชั่วโมง ก็ออกกลางคืน หลับบนรถ แล้วก็ตื่นเช้าก็ถึงพอดี

ถ้าไม่รักไม่ไปนะเนี้ย

ถ้าไม่รักไม่ไปนะเนี้ย

คราวนี้ ที่ว่าตื่นเต้นคือ รถไฟที่ต้องขึ้นที่ Wuppental มันดีเลย์ไปประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ กว่าจะได้ขึ้นรถไฟก็เที่ยงคืน ก็กะว่ารถคงดีเลย์ จากถึงหกโมงครึ่ง ก็เป็นเจ็ดโมงอะไรแบบนี้ เราก็หลับไป คือรถ IC จะเป็นรถกลางคืนเป็นห้องแบ่ง ในรถจะมีที่นั่งหกที่ แบ่งข้างละสาม หันหน้าเข้าหากัน จำได้ว่ารถไฟที่นั่งนี้ผ่านแบร์ลินด้วย พอมีคนลงที่แบร์ลิน เราก็นอนยาวเลย (ตามเส้นทางรถไฟ มันก็อ้อมพอสมควร แต่รถก็วิ่งไวอยู่) พอนอนยาวๆก็สบายซิ หลับเพลิน เพราะกะว่า ถึงเดรสเด้นเจ็ดโมง ทีนี่ พอหกโมงนิดๆ รถมันจอดนิ่งเลย เราก็นึกว่าเป็นสถานีอื่น เลยไม่ได้สนใจ คราวนี้ผ่านไปสิบนาที รถก็ยังไม่ออก เราเลยออกตู้ไปดู กลายเป็นว่า เจอตำรวจเต็มเลยค่ะ!!! แถม ถึง เดรสเด้นแล้วด้วย แม่จ้าวววว ดีนะไม่ได้หลับเพลินเกินห้ามใจ เกือบได้ตื่นอีกทีถึงปรากซะแล้ว รีบเก็บกระเป๋าวิ่งลงรถไฟเลย

พอลงรถไฟจากเดรสเด้น เราก็หารถไฟต่อไปเคมนิชค่ะ เค้าบอกว่าแป๊บเดียวก็ถึง เราเลยคิดว่า รถไฟมันคงมีตลอดๆแบบโคโลญจ์ไปอาเค่นอะไรแบบนี้ แต่กลายเป็นว่า รถมันไม่ตรงเวลาเลย เราลงรถมา นึกว่าจะต้องรอรถไฟ แต่มันก็มีรถไฟที่ไปเคมนิชจอดรออยู่ งงเหมือนกัน ว่าอีกตั้งนานกว่ารถจะมา  ก็ขึ้นเลย แล้วนั่งรถไฟไปเคมนิช วันนั้นเป็นตอนสิ้นเดือนพฤศจิกายน เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว หิมะยังไม่ตกที่อาเค่น แต่ระหว่างทางจากเดรสเด้นไปเคมนิช เริ่มมีหิมะแล้วค่ะ นั่งดูหิมะตลอดทาง ถือว่านี้เป็นหิมะแรกของปีที่แล้วของอั๋นเลย นั่งดูเพลินไปหน่อย รถไฟดีเลย์ไม่รู้เรื่อง กว่าจะรู้ตัว รถไฟแม่งวิ่งไป สองชั่วโมงค่ะ แค่เดรสเด้นไปเคมนิช

ไปถึงเคมนิช บอกให้ธีมารับ ตอนนั้นน่าจะซักสิบโมง ช่วงที่รอ ก็เนื่องจากยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยไปสั่งเบอร์เกอร์คิงกิน แล้วเค้าบอกว่า คนที่นี่เค้าไม่พูดภาษาอังกฤษกัน เราเลยต้องใช้ภาษาเยอรมันเพียวๆเลย แบบสั่งง่ายๆ แบบอยากกินเบอร์เกอร์คิงชุดอาหารเช้า ก็ถามเค้าว่า ฮาเบ้นสี ฟรุกสะตุก? เค้าก็บอกว่ามี เราก็สั่งเป็นชุด แล้วก็มิดเฮีย (กินที่นี่) แค่นี้ก็ได้กินข้าวเช้าแล้ว โอ้ย สบายๆ แค่สั่งข้าว แต่มากกว่านี้ห้ามถาม แล้วเราก็เอาของไปเก็บ ห้องธี แล้วกะว่า วันนี้จะไปเที่ยวเดรสเด้นกัน

กลับมาที่รถไฟจากเคมนิช แม่จ้าว รถไฟดีเลย์ แต่เราก็จะไปกัน รอจนรถมา พอเราขึ้นไป แล้วรถแบบ ช้ามาก ไปได้เกินครึ่งทางแล้ว เค้าบอก รถไฟแม่งหยุดวิ่ง เพราะหิมะเยอะมากก!!!! โห แม่ง ไม่ประกาศก่อนกูขึ้นวะ รถไฟเยอรมัน!!!! นี้แบบเจอปัญหากับรถไฟเยอรมันเยอะมากๆๆๆๆ แบบว่าของเค้าดีไง เราก็ expect ไว้สูงหน่อยว่าจะได้ไป ไม่เหมือนรถไฟไทย เราอย่าไปหวังอะไรมาก โห๊ะๆๆๆ กลายเป็นว่า รถจอดรออยู่ประมาณชั่วโมงนึง เค้าก็ต้องวิ่งกลับไปเคมนิชเหมือนเดิม เพราะไปต่อไม่ได้ รถเมล์ก็ไม่รู้นั่งยังไง เราก็บอกว่า กลับเคมนิชก็ได้ ไปเดินเที่ยวเคมนิชแทน

เราสองคนเลยเปลี่ยนแผนไปเคมนิชแทน ที่เคมนิชหนาวมาก น่าจะหนาวกว่าแถวๆอาเค่น 5-10 องศาเลย เพราะหิมะเค้าตกแล้ว แต่อาเค่นยังสดใสอยู่ (ไม่ซิ อาเค่นฝนตกบ่อยมากๆ) แล้วที่นี่ เหมือนเมืองร้างเลย คือใหญ่มากๆ แต่ไม่มีคน มีแต่คนแก่ นักศึกษาก็ไม่เห็นจะออกมาเพ่นพ่านเลย แล้วหิมะตกเยอะมากๆ แบบ ข้อเท้าแล้วอ่ะ นี้เพิ่งเดือนพฤศจิกานะ เราก็ไปเดินตลาดคริสมาสต์แบบหนาวๆ หิมะตกเนี้ยหล่ะ ตลาดคริสมาสต์เค้าใหญ่มากๆๆๆๆ คือร้านก็มีเยอะแหล่ะ แต่พื้นที่ทางเดิน ใหญ่มาก

ราทเฮาส์ นี้ยังแอบเห็นหิมะอยู่เลย ตกได้ตกดีเน้อ

ทางเดินใหญ่มาก


เสียงแรดๆๆๆมากๆ  (ตอนนี้สี่ทุ่มกว่า พอดีเพิ่งอับ น่าจะได้ดูวีดีโอซักตอนห้าทุ่มครึ่งนะ)

คราวนี้ พอเดินเที่ยวเสร็จ เราก็กลับหอธี มีเรื่องเมาท์มอยกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน วันนี้เราบอกว่า อยากกินผัดไทย ให้เค้าทำให้ เราเลยเดินไปร้านเอเชียหนึ่งเดียวในเคมนิชค่ะ ซื้อของเยอะมาก ธีบอกว่า เดือนๆนึงซื้อแค่ครั้งเดียว แต่ซื้อที ยี่สิบสามสิบยูโรเลย แล้วนางก็จัดแจงทำผัดไทยในเยอรมันให้กิน เค็มมาก

อ้วน

สุดท้ายนี้ แม้ไปไม่ถึงเดรสเด้น แต่มีความสุขมากๆ ไม่ได้เจอเพื่อนประมาณสี่เดือนมั้ง รีบๆนอนเหอะ พรุ่งนี้เราจะไปปราก เจอกันบล็อคหน้า ปรากตามรอยตัวเองอีกรอบ

และอีกครั้งกับรูปส่งท้าย

อ่านปากของฉันนะ พ่อ....ง

อ่านปากของฉันนะ พ่อ….ง

ทริปตามรอย(ตัวเอง) 4

ต่อกันเลยละกัน เมืองสุดท้ายของทริป ฟานโคเนียนของเรา หลังจากที่เราออกจาก Erlangen แล้ว เราก็ขึ้นเหนือไปอีก บล็อคนี้อั๋นจะพาไปเที่ยว Bamberg ค่ะ

Bamberg (บามเบิร์ก) เมืองเล็กๆที่เป็นมรดกโลก มีแม่น้ำไมน์ (Main) ไหลผ่านใจกลางเมือง 🙂 ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเยอรมัน ใกล้ๆ Nurümberg นั่นเอง (ลอกมาจากเฟสบุ๊คของธี) เราก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากหรอก แต่เรียกว่าทริปตามรอยตัวเองอีกเมืองนึงก็เพราะว่า เราก็มีความหลังกับ Bamberg เหมือนกัน ถึงแม้ไม่ได้มาสองปีแล้ว แต่บอกได้เลยว่า อั๋นยังจำทางได้อยู่ ไม่หลงไปไกลหรอก

ความหลังก็คือ ที่ Bamberg มีร้านดนตรี(ที่อั๋นคิดว่า)ใหญ่ที่สุดในเยอรมันเลย นั้นคือร้าน Thomann ค่ะ นั่งรถมาสองรอบ รอบแรกหลงทาง รอบที่สองไม่โง่แล้วค่ะ นั่งรถไปอย่างไกล แต่ด้วยความสามารถในการนั่งรถในเยอรมันของอั๋น อยากไปก็ต้องไปให้ได้ค่ะ ไปถึงโน้นได้กีต้าร์มาหนึ่งตัว พร้อมของแถมเพียบ คนขายของพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย ปลื้มมาก คนขายหน้าเหมือน Bryan May ณ วง Queen เลย ทำ Tax Refund ให้เราอีก (แต่เราดันทำกระเป๋าตังหายวันสุดท้ายก่อนกลับ อด Tax Refund เลยค่ะ) เดี๋ยวให้ดูรูปร้าน Thomann รูปพวกนี้ถ่ายเมื่อสองปีก่อนนะ เป็นหน้าร้อน เดินชิลๆสบายๆ

หน้าร้าน

ใหญ่มากๆ สวรรค์สุดๆ อยู่ได้ทั้งวันเลย

เปียโน หรือเครื่องดนตรีอื่นก็มีนะ

ก็รอบนั้นก็หิ้วกีต้าร์กลับบ้านเลยค่ะ นอกจากนี้ หลังจากที่อั๋นกลับมาจากร้าน Thomann พร้อมเครื่องดนตรีแล้ว วันนั้นที่ Bamberg มีเทศกาลพอดี เบียร์ขายทั้งเมืองเลยค่ะ ฟินโคตร ก็เอากีต้าร์ไปเก็บไว้ที่หอเพื่อนคนนึงที่พักที่ Bamberg แล้ว เราก็ออกไปแรดกัน เมากันไม่พอ ที่ทำให้อั๋นจำเมืองนี้ได้ก็คือ อั๋นเมาแล้วเซ กล้องหล่น แตก!!! ค่ะ ToT จากนั้น นี้เป็นสาเหตุที่ทำให้อั๋นโดนล้อเรื่องกล้องแตกมายันทุกวันนี้ แบบว่า เวลากินเบียร์เพื่อนชอบแซว เอากล้องเก็บก่อนนะ….คนเรามันไม่พลาดครั้งที่สองหรอกนะ เรามาดูรูปงานเทศกาลตอนหน้าร้อนเมื่อสองปีก่อนดีกว่า ดูว่าจะเมาเอ้ย คนเยอะขนาดไหน

รูปสุดท้ายก่อนกล้องแตก กำลังกรึ่มๆเลย

เทศกาล คนเยอะมากๆๆๆ

แอนด์เดอะแก๊ง เกือบไม่ได้กลับ Erlangen เพราะกลับกันตอนรถไฟรอบสุดท้ายพอดี

เมื่อกลับมารอบนี้ หิมะลงค่ะคุณ พอมาถึง Bamberg ตอนแรกอากาศสดใสมาก หลังจากเราไปขอแผนที่เมืองมาแล้ว เราก็เริ่มเดินเที่ยวกัน รอบนี้ถึงไม่มีเทศกาลเบียร์ แต่ก็มีตลาดคริสมาสต์นะคะ เมืองนี้ไม่ค่อยใหญ่มาก ไม่หลงกันเท่าไหร่หรอก จากตัวเมือง เดินไปปราสาท อั๋นเคยไปครั้งเดียวก็จำได้ อยากไปที่ไหน จิ้มแผนที่เลย แต่พอเดินไปซักพัก หิมะตกค่ะคุณ ตกแรงมากอ่ะ คือตอนแรกอากาศดีแต่ก็หนาวนะ พอเดินๆไป ยิ่งหนาว ยิ่งหิมะตกแรงอีก โว้… แต่ก็ได้บรรกาศอีกแบบนึงที่ตอนเรามาหน้าร้อนไม่มีเนอะ

ไหนๆก็เป็นทริปตามรอยตัวเองแล้ว ขอเอาบางมุมที่บังเอิญถ่ายมาจากที่ใกล้ๆกันมาเทียบกันระหว่างสองฤดูนะ รูปปี 2010 อาจจะไม่ชัด อาจจะเอียงบ้างอะไรบ้าง ก็ให้อภัยคนเมาละกันนะ ยังไงรูปปี 2012 ก็ถ่ายจากโปรเฟสเชอนัลอยู่แล้ว ไม่อาจสู้ได้

ทางเดินจากสถานีรถไฟ

August 2010

December 2012 มียายตัวกลางนี้มาทำไมเนี้ย

ต่อมาก็โบสถ์

August 2010

December 2012

ทางเดินจากโบสถ์ไปปราสาท

August 2010 รุ้สึกว่าตอนนี้กล้องแตกไปแล้ว

December 2012

Top view จากปราสาท

August 2010

December 2012

ปราสาท

August 2010 กับอานิ สุดสวยจากอัลเมเนีย

December 2012

และรูปนี้คิดว่าหลายๆคนคงเคยเห็นแล้ว เคยเอาแชร์ใน Facebook แล้วด้วย เทียบกันเห็นๆ

แต่ว่าช่วงที่เราไปที่สวน มันแต่งสวนไม่เหมือนกันเลย คือตอนหน้าร้อนจะมีดอกไม้ประดับด้วย แต่หน้าหนาวไม่มี แต่ก็ให้ความรู้สึกสวยไปคนละแบบเลยนะ

บินๆๆ หน้าร้อนมาแล้ว

บินๆๆ หน้าร้อนมาแล้ว

พอหิมะลง ตอนแรกจะถ่ายท่านี้เหมือนกัน แต่ไม่มีดอกไม้อะไรให้เลย ดูแทบไม่ออกว่าเป็นที่เดียวกัน เลยถ่ายกับต้นไม้ข้างๆมาแทน สวยมาก อารมณ์เหมือน เกาหลีเลย

โอ้ย น่ารักจุงเบย ผู้หญิงคนนี้

โอ้ย น่ารักจุงเบย ผู้หญิงคนนี้

ช่วงนั้นเป็นตลาดคริสมาสต์พอดี น่ารักเหมือนกันนะ แถมไม่แออัดเหมือนที่เนินแบร์กด้วย แต่เล็กว่าเยอะ พอดีไปวันอาทิตย์ด้วย แทบร้าง มีแต่ร้าน แต่ไม่มีคนเดิน

เล็กๆน่ารัก

และแล้วก็หมดทริปตามรอยตัวเอง พร้อมหิมะโปรยปราย อั๋นกับธี ก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้านพร้อมหิมะที่กระหน่ำลงอย่างแรงมากๆ จากแบมเบิร์กไปเมืองของแต่ละคนก็ไม่ค่อยยากเท่าไหร่หรอก ร่ำลากันเรียบร้อยแล้วบอกกันว่า อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่ เราจะไปเที่ยว Hamburg!!!! ค่ะ

และอย่างว่าคือเราจากกันพร้อมหิมะที่ตกหนัก ขอแถมรูปนึงให้ชื่อว่า…

หิมะตกแรง แต่นางแรงกว่า >:-)

มีรูปอีกเยอะแยะ ของหน้าหนาวปี 2012 จากกล้องธี เป็น Link Facebook เหมือนเดิมนะคะ ถ้าเป็น Picasa ก็จะมีแต่รูปของเรานะ (หมายถึง ธีถ่ายนั้นแหล่ะ แต่มีแต่รูปเราเป็นนางแบบ โอเคป่ะ)

แล้วก็รูป ของหน้าร้อนปี 2010 จากกล้องเราเอง 

และเช่นเคย ส่งท้ายด้วยรูปเราสวยๆแบบทุกครั้ง

ชนกันป่าวพี่น้อง!!!!

ทริปตามรอย(ตัวเอง) 3

หลังจากที่อั๋นกับธี ได้ไปเดินเที่ยวตลาดคริสมาสต์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันแล้ว เย็นวันนั้นเราก็นั่งรถไฟไป Erlangen กันเลย วันนี้ มีผู้ชายมารับค่ะ บล๊อคนี้ไม่ได้พาเที่ยว แค่จะเล่าเหตุการณ์ความประทับใจเฉยๆ อีกอย่าง เราก็ไม่มีรุปถ่ายซักรูปเลย ขนาดธีชอบถ่ายรูป ยังมัวแต่ดีใจจนลืมถ่ายรูปเลย

จริงๆแล้ว เราก็ไปเลทเกือบครึ่งชั่วโมงเลย รู้สึกผิดมาก เพราะอยู่ๆรถไฟก็ไม่วิ่งซะงั้น พอรถไฟมา มันเลยแออัดเล็กน้อย (ไม่ซิ โครต อึดอัดเลย) พอมาถึง ฟิลิป ก็มารับค่ะ ฟิลิป เป็นนักเรียนไอเอสเต้คนเยอรมันที่ดูแลอั๋นตอนอยู่ Erlangen เมื่อสามปีที่แล้ว พอเค้ารู้ว่าเรามา เค้าก็อยากจะเจอ เรานัดเจอกันที่สถานีรถไฟค่ะ เจอฟิลิปปุ๊บ แอบกรี๊ดเลย เมื่อตอนนั้นเค้าหัวเกรียนอ่ะ ตอนนี้เป็นหนุ่มผมยาวแล้ว ธีเห็นหน้าเราแล้วบอกเลย แกอย่าบอกนะ ว่าคนนี้ก็น่ารัก เราก็บอกว่า ใช่ ผมยาว สเปคเลยอ่ะแก >.,< เราไปหาอะไรดื่มกันนิดๆหน่อยที่…ที่ไหนวะ คืออั๋นจำได้แค่ทางจากสถานีรถไฟไปบ้าน ผอ. ได้อย่างเดียว แต่จำทางไป Stamtich ที่เค้านัดกันทุกอาทิตย์ไม่ได้เลยบอกตรงๆ เราก็ไปร้านแถวๆนั้นแหล่ะ ฟิลิปพาไป ก็คุยกันเยอะอยู่ ฟิลิปไปกาน่ามา เราบอกว่า รอบหน้า ถ้าได้ไปอีก ไปที่ไทยนะ เดี๋ยวพาเที่ยวไทย แบบที่โพรสเพอร์พาฟิลิปเที่ยวกาน่าไง

ดึกพอสมควร อั๋นต้องไปนอนห้องโยฮาเนส โยฮาเนสเป็นแฟนกับรอร่า สองคนนี้ให้ที่นอนเราคืนนี้ แล้วเค้าก็มารับเรา เราก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน ก็ได้ฟิลิป คุยโทรศัพท์ กับโยฮาเนสแล้วเค้าก็ขับรถมารับเรา ใจดีจุงเบย โยฮาเนส กับ รอร่า เป็นนักเรียนไอเอสเต้คนเยอรมันเหมือนฟิลิป แต่สองคนนี้เค้าไม่ได้ทำแล้วปีนี้ อั๋นเคยไปนอนห้องโยฮาเนสแล้ว ตอนก่อนกลับ ไม่มีห้องพัก เลยไปพักห้องเค้าก่อน รอร่าดูแลเราดีมากๆ ปีที่แล้วเค้าก็ไปเที่ยวไทย อั๋นก็พาเค้าไปเที่ยวเหมือนกัน

พอถึงห้อง กินข้าวเย็นกันนิดๆหน่อย รอร่า เค้าก็เอาแป้งคุกกี้มา เราจะทำคุ๊กกี้กันค่ะ กรี๊ด นี้เป็นกิจกรรมแรกนอกจากกินเบียร์กับทำงานที่อั๋นได้ทำกับคนเยอรมันเลยนะเนี้ย แบบว่า คริสมาสต์ปีนี้ ดีขิงๆ นี้เพิ่งต้นเดือน เราก็มีประสบการณ์วันคริสมาสต์แล้ว อั๋นจำไม่ได้ว่าเค้าเรียกคุ๊กกี้แบบนี้ว่าอะไร แต่คนเยอรมันเค้าจะทำกันเพื่อวันคริสมาสต์กันเลย

รอร่าเอาแป้งมานวดๆๆ เห็นแล้วแบบ ผู้หญิงเยอรมันแม่ง แข็งแรงขิงๆ โยฮาเนสก็ไปเตรียมเตาอบ เรากับธี ก็เอาแป้งมาเข้าพิมพ์แล้วตัดเป็นรูปต่างๆ

ทำไปได้ซักพัก มีเพื่อนมาอีกคนค่ะ เพื่อนชื่อ คริสเตียน คริสเตียนเป็นนักเรียนไอเอสเต้คนเยอรมันเหมือนฟิลิป โยฮาเนส และ รอร่า ปีนี้ก็ยังทำอยู่นะ ใจดีมากๆ คือเค้าเคยไปเรียนที่จีน แล้วไปเที่ยวไทยมาแล้ว เค้าพอจะรู้ว่าธรรมชาติของเราเป็นยังไง แล้วพยายามเข้าใจ เป็นอะไรที่น่ารักมากๆเลย ดีใจมากที่ได้เจอกันอีก แต่ดูธีเพื่อนเรา จะปลื้มเค้าแบบ ปลื้มแบบเขินอ่ะ อยู่ๆก็พูดกับเรา แก คนนี้ น่ารักมากชอบเลยอ่ะ กำ คือตอนแรกเราว่าคริสเตียนหน้าตาคนเยอรมันธรรมดามากนะ พอธีบอกหล่อ เราคิดทันทีเลย เฮ้ย แม่งหล่ออ่ะ ตอนนี้หล่อกว่าโยฮาเนสแล้วอ่ะ คริสเตียนจำวันเกิดเราได้ด้วย ปลื้มอ่ะ ต่อๆ พอเราตัดคุ๊กกี้เป็นรูป เราก็เอาไปอบ คริสเตียนก็มาช่วยด้วย ธีนี้ แม่งเขินเลยอ่ะ มีอันนึงเค้าตัดพลาด เค้าเอาให้ธี แล้วบอกว่า คุณเอาอันนี้ไปละกัน มันตัดไม่เป็นรูปเลย อินี้เขินใหญ่เลยค่ะ โว้….

พอขนมอบเสร็จแล้ว เราก็เอาตกแต่งหน้า โยฮาเนสเอาพวกของตกแต่งเช่น น้ำตาลสีๆ ช็อคโกแลต น้ำตาลไอซิ่ง มะพร้าวอะไรพวกนี้มาให้ ธีแม่งก็เขิน ไม่รู้ทำอะไร ได้แต่เอาคุ๊กกี้มาเรียงๆๆๆ คริสเตียนก็แซวว่า คุณเรียนคอมพิวเตอร์เหมือนปฐมาซินะ นี้คือกำลัง optimize พื้นที่การใช้ถาดอยู่แน่ๆ โอ้ย เขินซิคะ พอตกแต่งเสร็จก็เอามาเรียงใส่กล่องแบ่งกันกิน อร่อยอ่ะ ยิ่งทำเองกับเพื่อนๆเรายิ่งรู้สึกดีมากๆเลย

พอเราทำคุ๊กกี้ แบ่งอะไรกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปนั่งคุยกัน กินกลูไวน์ (ไวน์อุ่น) ที่คริสเตียนเอามาค่ะ แล้วคุยกันตามประสาเพื่อนไม่ได้เจอกันนาน แลกเปลี่ยนอะไรพวกนี้ แต่ธีนี้ถึงไม่รู้จักใครก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ พี่แกนั่งมองคริสเตียนแบบ….. ท่าทางจะถูกใจ ฮะๆๆ คุยกันจนถึง เราก็เข้านอน ก่อนกลับบ้านคริสเตียนบอกว่า ไม่รู้จะได้เจอกันอีกรึเปล่า เคยได้ยินกฏเจอกันสองครั้งมั้ย คนเราอยู่ไกลกันขนาดนี้ คงได้เจอกันแค่สองครั้ง เราก็บอกว่า เรากับโยฮาเนสเจอครั้งที่สามแล้ว ไว้เราแหกกฏรอบหน้าแล้วเจอกันอีกนะ ฮิฮิ

คุกกี้ แอบเอารูปของธีมาใช้อีกแล้ว ฮิฮิ

คุกกี้ ทำมือ แอบเอารูปของธีมาใช้อีกแล้ว ฮิฮิ

ธีบอกว่า ขนาดเค้าไม่รู้จักกันก่อนยังรู้สึกดีเลย เค้าเข้าใจความรู้สึกเราเลยอ่ะ ว่าดีใจขนาดไหนที่ได้กลับมาเจอเพื่อนอีก อีกอย่าง เค้ามาจากที่ๆคนเยอรมันไม่ค่อยมีใครพูดอังกฤษกัน พอมาที่นี่ มีแต่คนเยอรมันพูดอังกฤษแถมมีทำขนมด้วยกันอีก มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เราจะแฮปปี้มีความสุขมากๆ ถึงแม้เดือนธันวาจะหนาวหิมะลงขนาดไหน แต่ข้างในนี้อบอุ่นมากๆ เป็นการกลับ Erlangen ที่มีความหมายมาก อาทิตย์นั้นทำเราฟินยาวเลย นอกจากฟินเรื่อง ผอ. แล้ว ก็ฟินเรื่องได้เจอเพื่อนี้แหล่ะ ^^ ไว้มีโอกาสจะกลับมาอีกนะ

ตอนเช้าเราก็ต้องแพ็กกระเป๋ากันแล้ว เพราะเรามีแผนสำหรับเมืองถัดไปก็คือไป Bamberg ค่ะ ตอนเช้าโยฮาเนสเลยขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟ Erlangen การนั่งรถไฟครั้งนี้ คงไม่ได้มาที่นี่อีกนานเลย บ้ายบาย Erlangen บล็อคถัดไป ไปเที่ยว Bamberg กันค่ะ

ทริปตามรอย(ตัวเอง) 2

จากบล็อคก่อนหน้านี้ ทริปตามรอย(ตัวเอง) 1 ที่ว่าเป็นทริปตามหาชายในฝันของอั๋นนะคะ ขอเล่าต่อวันถัดมาเลย บล็อคนี้จะพาไปเที่ยว เนินแบร์ก และ ตลาดคริสมาสต์ค่ะ (Nürnberg หรือ ภาษาอังกฤษเรียก Nuremberg ค่ะ) หลังจากที่อั๋นแยกออกมาจากบ้าน ผอ. เอ้ย มิสเตอร์โฮนิกแล้ว ก็มีนัดกับน้องไอ เค้าเป็นน้องไอเอสเต้ปีที่แล้ว ฝึกงานที่เนินแบร์ก น้องเค้าก็พาไปกินร้านอาหารไทยเปิดใหม่ที่แอร์ลางเง่น เค้าสั่งข้าวเหนียวหมูย่างมา จะว่าไป ก็ไม่ได้กินเลยนะข้าวเหนียวเนี้ยตอนที่อยู่เยอรมันน่ะ พี่ที่ร้านบอกว่า เราหน้าคุ้นๆจัง เราก็บอกว่า เมื่อก่อนหนูอยู่ที่นี่ค่ะ เมื่อสองปีที่แล้ว เค้าก็บอกว่า แต่ร้านพี่เพิ่งเปิดปีที่แล้ว สงสัยเราหน้าโหล แล้วพอกินเสร็จเราก็ไปนอนที่ห้องน้องไอที่ เนินแบร์ก ก็ประมาณยี่สิบนาทีจากแอร์ลางเง่นแหล่ะค่ะ ก็คุยกัน แนะนำอะไรนิดๆหน่อย เพราะเราเคยอยู่แถวๆนั้นมาก่อน มีเรื่องคุยกันเยอะเลย ตอนเช้ามา น้องเค้ามีธุระ เลยแยกกัน เราก็นัดกับธีระไว้เหมือนกัน ไปเจอที่สถานีรถไฟเนินแบร์ก เพราะเค้าบอกว่า ที่นี่ มีตลาดคริสมาสต์ใหญ่ที่สุดในเยอรมันเลย เราเลยพาธีเดินเที่ยวทั้งเมืองเลย เพราะว่ามันก็เป็นเนินแบร์กรอบที่เท่าไหร่ของเราก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮะๆๆ ด้วยที่เค้าบอกว่าถ้าไปลูบวงแหวนที่ตรงตลาด จะได้กลับมาอีก แล้วก็ได้กลับมาอีกจริงๆ แค่เดือนธันวา อั๋นมาเนินแบร์กสามรอบเลย มาเปลี่ยรถอิอิ

ตรงนี้แหล่ะ ถ้าไปจะมีวงแหวนอยู่ ใครไปก็ลองไปหมุนๆดู เผื่อได้กลับมาอีก

ตรงนี้แหล่ะ ถ้าไปจะมีวงแหวนอยู่ ใครไปก็ลองไปหมุนๆดู เผื่อได้กลับมาอีก

นอกจากนี้ เนินแบร์กยังมีปราสาทด้วย จริงๆเมืองในส่วน old town ก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่หรอก เดินชิลๆ สบายๆ ก็เดินเที่ยวทั้งวันเลย เย็นๆก็เดินเล่นหาช๊อปปิ้งอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ

พระไทยเค้าบอกว่า ที่เรียกว่า เนินแบร์ก เพราะว่า เนินก็เป็นเนินแหล่ะ ส่วนแบร์ก แปลว่าภูเขา ก็เดินบนเนินภูเขากันค่ะ เดินจนเหนื่อยเลย เป็นเนินทั้งเมืองเลย

พระไทยเค้าบอกว่า ที่เรียกว่า เนินแบร์ก เพราะว่า เนินก็เป็นเนินแหล่ะ ส่วนแบร์ก แปลว่าภูเขา ก็เดินบนเนินภูเขากันค่ะ เดินจนเหนื่อยเลย เป็นเนินทั้งเมืองเลย

ช่วงคริสมาสต์ที่นี่ คนยังกะหนอนเลย เยอะมาก แต่ก็ไม่ได้อึดอัดนะ แค่เดินแทบไม่ได้ ไหลๆตามน้ำไป ฮะๆๆ

ช่วงคริสมาสต์ที่นี่ คนยังกะหนอนเลย เยอะมาก แต่ก็ไม่ได้อึดอัดนะ แค่เดินแทบไม่ได้ ไหลๆตามน้ำไป ฮะๆๆ

ปราสาทเนินแบร์ก

ปราสาทเนินแบร์ก

จากนั้นเราก็เดินไปเที่ยวตลาดคริสมาสต์กัน พักกินใส้กรอกเนินแบร์ก เป็นใส้กรอกเล็กๆขนาดเดียวกับนิ้วนี้แหล่ะมั้ง อั๋นซื้อมากินบ่อยมาก เพราะมันพอดีอิ่มเลย ตอนอยู่เยอรมันกินไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เพราะแคลลอรี่ในกับข้าวแต่ละอย่างนี้ เยอะแบบรุนแรงมาก ถ่ายรูปกันจนมึดค่ำ เลย สวยดี

ไส้กรอกเนินแบร์ก

ไส้กรอกเนินแบร์ก

จริงๆมาเดินนี้ไม่ต้องกลัวหลงนะ จากสถานีรถไฟ เดินตามโบสถ์มาเรื่อยๆเลยแหล่ะ อีกอย่าง ตัว old town เค้ามีกำแพงรอบเมืองอยู่แล้ว เดินๆไปสุดเมือง มันก็เจอกำแพงเองแหล่ะ

จริงๆมาเดินนี้ไม่ต้องกลัวหลงนะ จากสถานีรถไฟ เดินตามโบสถ์มาเรื่อยๆเลยแหล่ะ อีกอย่าง ตัว old town เค้ามีกำแพงรอบเมืองอยู่แล้ว เดินๆไปสุดเมือง มันก็เจอกำแพงเองแหล่ะ

นางฟ้าคริสมาสต์ :)

นางฟ้าคริสมาสต์ 🙂

สวยแบบนี้ทั้งเมืองเลย แต่คนเยอะมากๆ

สวยแบบนี้ทั้งเมืองเลย แต่คนเยอะมากๆ

จริงๆเมืองมันใหญ่นะ แต่ที่เค้าเดินเที่ยวกันก็ส่วน old town นี้แหล่ะ ส่วนรอบนอกก็มีโรงงาน หมู่บ้านอะไรเหมือนเมืองอื่นๆนั้นแหล่ะ วัดไทยก็อยู่ไกลออกไปเหมือนกัน เราเดินคนเดียวบ่อย แต่ก็ไม่ค่อยได้ออกนอกเมือง นอกจากไปวัดค่ะ เย็นนั้น อั๋นกับธี ออกจาก เนินแบร์ก เพื่อจะไป Erlangen อีกรอบนึง จะไปหาเพื่อนค่ะ เพื่อนมารับที่สนานีรถไฟ Erlangen เพราะคืนนี้ อั๋นขอไปนอนห้องโยฮาเนส เพื่อนไอเอสเต้ ที่เคยมาไทย คืนนั้นเป็นคืนที่ธี ประทับใจมาก เพ้อจนถึงทุกวันนี้เลย ฮะๆ ไว้มาเล่าต่อบล็อคถัดไปนะคะ

ลูกทัวร์ตลาดคริสมาสต์เยอรมันสี่ทิศ

ลูกทัวร์ตลาดคริสมาสต์เยอรมันสี่ทิศ

รูปสวยๆอีกเยอะ จากตากล้องประจำตัวค่ะ เป็น link Facebook ถ้าดูไม่ได้ก็เสียใจด้วย อิอิ

ทริปเนินแบร์กปี 2010 พอดีขี้เหร่มาก ไม่อยากจะเอารูปขึ้นบล็อค

ดูดีเนอะ

diff

นี้กลับมาไทยได้เกือบอาทิตย์แล้ว ไปอยู่โน้นมาครึ่งปี รอบที่แล้วเราก็แอบติดนิสัยบางอย่างมาจากที่โน้นเหมือนกัน ตอนที่อยู่ที่โน้นก็ไม่รู้ตัวหรอก พอกลับไทยถึงรู้ว่า แอบติดนิสัยบางอย่างมาแล้วนิดนึง เดี๋ยวก็หายมั้ง รอบที่แล้วไปแค่สองเดือนยังแอบติดเหมือนกัน ถึงรอบนี้จะไปแค่แป๊บเดียวเหมือนกัน แต่ก็ยังมีอะไรที่ติดเค้ามานิดหน่อยเหมือนกัน

  • ติดคำพูดว่า Moment กับ Bitte ไปแล้ว แปลว่า รอแป๊บ กับ ได้โปรด เวลาใครให้ทำอะไร จะชอบพูดว่า Moment bitte ก่อนเลย
  • เข้าห้องน้ำแล้วใช้ทิชชู่ ตอนแรกอยุ่โน้นก็อยากได้ที่ฉีดตูด พอกลับไทย ก็ลืมใช้ เอาทิชชุ่มาใช้ก่อนเฉยเลย
  • ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดหน้าแล้วเก็บใส่กระเป๋า คือปกติมันต้องเอาทิ้งไง แต่คนเยอรมันเค้าจามเสร็จ เช็ดแล้ว เก็บใส่กระเป๋าใช้ต่อหว่ะ แต่ไอ้สั่งน้ำมูกแรงๆ เราทำไม่ได้นะ
  • มีคนบอกว่า สำเนียงพูดภาษาอังกฤษเราคล้ายภาษาเยอรมันไปละ แต่เราไม่เชื่อหรอก – -” เยอรมันยังพูดไม่ได้เลย จะทำได้ไงเนอะ
  • พูดขอบคุณว่า danke อีกแล้ว แต่รอบนี้แค่พูดกับเพื่อนที่เคยไปเยอรมันด้วยกัน ไม่เหมือนรอบที่แล้ว ที่เกือบพูดกับพนักงานเซเว่นแล้ว
  • เวลากดเงิน จะลืมไปว่า ของไทยต้องใส่รหัสก่อนทำรายการ ถ้าเป็นที่เยอรมัน เค้าจะถามก่อนว่าจะทำอะไร แล้วค่อยใส่รหัส แล้วอีกอย่างคือ ตอนถอนเงิน ที่เยอรมัน บัตรจะออกมาก่อนเงิน แบบว่า ถ้าไม่เอาบัตรก่อน เงินก็ไม่ออกไรงี้ แต่ที่ไทย เงินมาก่อน แล้วถามว่าจะเอาสลิปมั้ย แล้วค่อยเอาบัตรออก ถ้าเป็นแบบที่เยอรมัน ก็จะไม่มีปัญหาคนลืมบัตร ATM ตอนถอนเงินเลย ตอนนี้ก็แอบลืมๆ รอเอาบัตรก่อนอยู่เลย แหะๆๆ

พอกลับไทยนะ มีหลายอย่างที่เราเจอในชีวิตประจำวันแล้วพอได้กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมอีกนี้ น่าคิดถึงดีนะ เช่น

  • วิ่งขึ้นรถเมล์ฟรี
  • กางร่มบังแดด
  • เดินช๊อปปิ่งวันอาทิตย์
  • เซเว่น 24 ชั่วโมง
  • นอนกลางวัน
  • เก้าลอเก้า คิดไม่ออก ง่วงแล้ว บรัยยยย

What’s a March

Last week was totally chaotic! Snow, snow is everywhere!

As I know, this time is spring break (am i right?)  but this week was totally crazy. I were sitting in the room and I could feel the wind from outside blowed through the window, I swear!   Since spring had come, I just realized that I have nothing done with snow! even the photo of me playing with snow. So I don’t know this is my luck or not that snow were in the town again. If I’m not wrong, I think the snow stared from Saturday non-stop until Wednesday. Then! We decided to play Schneeschlitten! (snow sledge).

It was so fun, I think I was like a bear! Here are some picture of me and the gang 🙂

598969_10151638407672415_1770809514_n (1) 420134_10151638407657415_790516073_n 3430_10151638409417415_841297052_n

Feeeeeeewwwwww~* ^_^

wow!

1896_10151638407502415_104045662_n

What’s February?

2 months left before my Birthday and 2 months left in Germany if I could graduate in time.

Last 2 week, I join the Kaneval (Carnival) for 3 days. This time I and my friends made our own custom from plastic back. Honestly, this is my first time making my own cloth for fancy party or carnival. Moreover, I also did my own haircut like last time but this time my hair starts back to be original, so it was not that easy to make it straight. I colored my hair into red. It might not be able to see from the photo but when it was totally red.

Here are the photo from 7th February.

me, friends and our cloths

team! pink orange green and red

How was the cloth? Sadly, it was snow on the day we stay in Aachen. I think I got a cold on the next day.

Then on Saturday (9th Feb), me and my friends went to Cologne to see the carnival. That’s totally awesome but I didn’t dress any fancy custom. (or maybe i dress like Asian student) lol By the way, joining the carnival was just a little part of the day because I desired to meet my friends their. Wow, I really missed them.
Honestly, I didn’t like Cologne that much because it always has the problems from about the rail way from Aachen to Cologne! Luckily, we had no problem on that day even it was late at night.

wow, million of people in Cologne for sure

Koku!!!!!!

Das ist sehr schön!!!!

And yeah! the biggest day! Rosenmontag! It was a lot of snow! wow! I joined the canival just one and half hour because it was so cool! On that day I dressed as a Gift box. Nice, isn’t it! We got a lot of snack, waffle, chocolate and many sweet stuff. Now it’s about 3 weeks but we still have some thing left from Rosenmontag. It was surprise me at first, my supervisor said it will have big carnival on Feb in Aachen is also big (yeah, Cologne is surely bigger) and there are lots of sweet was thrown from the people in the parade. Why people need to give us the sweet? I still don’t know but I think it was good for commercial for sure. Every set of parade has the brand logo and contact detail. For this reason many people could see it and they don’t need to pay for commercial just pay for the sweet and the audiences were happy. In fact, I think I don’t need those sweet but it was fun to do grabbing the stuff.

Opening!

Hier kommt der Bus!!!

Ich bin Geschenk >.,<

They said, Carnival is for eliminate the cold. Actually, the weather is still cold so we could dance, drink and have fun to make us feel warmer. eiei

just made myself warmer

Extra! and this is how we made our dress

She’s designing

Me and my lazy dress because i just cut it into shirt and skirt

check my google plus for more photo: https://plus.google.com/photos/112184157332948773922/albums/5845468851724916817

https://plus.google.com/photos/112184157332948773922/albums/5843107557670911217

https://plus.google.com/photos/112184157332948773922/albums/5843108167060769985

Danke, Danke 😀

อยู่เยอรมัน

+ kartoffel, wurst mit pommes, รถ ice, หน้าร้อน, ดูคอนเสิร์ต, หลับ, semester ticket, รถเมล์, ภาษาเยอรมันที่ฟังแล้วเข้าใจ, เพลงเยอรมัน, ดนตรีคลาสิก, ซื้อของออนไลน์, ออกกำลังกาย, ชีส, โกโก้สตาร์บั๊ค, ฮีตเตอร์, คอกเทล, เล่นไพ่, ผ้าห่มไฟฟ้า, อาบน้ำอุ่น, ผอ.
– saurkraft, Knödel, ข้าวฝรั่ง, หิมะ, อากาศหนาว, รถไฟดีเลย์, รถไฟดีเลย์เพราะหิมะ, รถไฟอยู่ๆก็ไม่วิ่งเพราะรางมีหิมะ, เวลาที่ตัวเองคิดว่าจบไม่ทันแน่, เยอรมันวันอาทิตย์, รองเท้าเปียก, ภาษาเยอรมันรัวๆ, นอนไม่พอ, ราคาของกิน, อ่านหนังสือ, หน้ามึดจะเป็นลม, คนเยอรมันตอนทำงาน, อาบน้ำอุ่นแต่น้ำไม่อุ่น, คนตรวจตั๋ว