จะบริจาคเลือด อ่าว วันนี้บริจาคไม่ได้นะคะ !?!

ทุกๆปี ในระยะ สี่ห้าปีที่ผ่านมา พอถึงวันเกิด เราก็จะมีกิจกรรมที่ทำประจำก็คือ ลางาน แล้วไปเที่ยวท้องฟ้าจำลอง แล้วก็ไปบริจาคเลือด แต่เนื่องจากปีนี้ โดนโควิดเล่นงาน หลายกิจกรรมก็ต้องงดน่ะค่ะ งดก็คือ ก็ยังทำได้อยู่ แต่ก็ต้องระวัง (ฮาาาา) ไม่เป็นไร ก็หลังจากต้อง Work From Home ตั้งแต่กลางๆเดือนมีนาคม แล้วก็ทำให้คือตั้งแต่กลับจากทริป ฟิลิปปินส์ ตอนต้นมีนาคม ก็ไม่เคยได้ออกไปไหนเกินระยะ 5 กิโลเมตรจากที่พักเลย (ที่ทำงานอยู่ห่างไปห้ากิโลไง ก็คือแค่ ห้องพัก ยิม ที่ทำงาน มีแค่นี้แหล่ะ) ก็พอถึงวันเกิด (ปลายๆเมษายน)​ ก็เลยรู้สึกว่า ป่ะ ถึงเวลาแล้ว ออกไปข้างนอกบ้าง ก็เลยจัดเลยค่ะ นอนไวๆ งดเบียร์​ งดของมัน งดชาไข่มุก แต่จริงๆคือ ช่วงกักตัว กินน้อยมากเลยอ่ะ น้ำหนักก็ลดไปหน่อยแหล่ะ ก็เลยเกิดเรื่องนี้ขึ้น

เช้าวันเกิดค่ะ (25 เมษายน) ตื่นมา อาบน้ำ แต่งหน้า (แล้วใส่หน้ากาก -_-) แล้วก็เลยรู้ว่า อ่าว อายไลนเนอร์แห้งไปแล้ว แง…​ไม่เป็นไรค่ะ

ไม่ค่อยพร้อมหรอก ไม่เคยพร้อมเลย กลัวทุกครั้งที่ไป

มาถึงแล้ว ก็ทำตามขั้นตอนเลย ซักประวัติเบื้องต้น วัดความดัน ต่างๆนาๆ จนถึงตอนจะเจาะเลือดค่ะ เจ็บ เป็นคนที่ไม่ชอบให้เอาอะไรเข้าตัวเลย รู้สึกไม่ค่อยดี เจาะกี่ทีก็น้ำตาเล็ดจะร้องไห้ แต่ก็จะร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะว่า

เอ้า Hb ต่ำไปหว่ะ คืออะไรหว่า คุณหมอบอกว่า Hemoglobin ต่ำไปนะคะ ปกติ ต้อง 11.5 วันนี้บริจาคเลือดไม่ได้นะคะ อ่าว กำ แล้วเค้าก็เลยส่งไปเราต่อไปที่ Donor care เพื่อเจาะเลือดแล้วเช็คผลเลือดอย่างละเอียดอีกครั้งนึง

Donor Care ห้อง 8 ปกติก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรนะ คุณหมอเคยบอก ร่างกายแข็งแรงปกติดี มาทุกสามเดือนเลยนะคะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว

ได้ความมาว่า เพราะปกติเรา เวลาคุณหมอให้ยาบำรุงเลือดมา เราจะกินไม่หมด คือกินแค่ วันสองวันหลังจากบริจาคแล้วไม่กินต่อ ก็จะมีผลทำให้ Hb ต่ำ เฮ้ย เมื่อคืนเราก็นอนไวนะ จริงๆก็รู้ตัวแหล่ะ ว่ากินน้อยมาก กินข้าววันละมื้อ ไม่ได้กินอะไรบำรุงเลือดเลย แต่ก็เอาเถอะ วันนี้ไม่ได้ไม่เป็นไร คุณหมอก็ให้ยาบำรุงเลือด บำรุงธาตุเหล็กพวก Folic มากิน ให้กินเช้าเย็นเลย แล้วบอกว่า ยานี้ จะหมดตอนใกล้ๆจะครบเดือนพอดี ให้กินเช้าเย็นจนหมด พอประจำเดือนหมดก็มาได้ อย่าให้เกินนี้หนึ่งเดือนนะคะ

บำรุงหนักมาก อึเป็นสีดำทั้งเดือน บอกเลย

จากนั้นก็เลยต้องกลับบ้านไป หลังจากวันนั้นก็กินยาบำรุงเลือด เช้า-เย็นเลย พอครบสี่อาทิตย์ ก็ได้เวลาค่ะ (24 พฤษภาคม) ไปอีกรอบนึง รอบนี้คือ นอกจากจะบริจาคเลือดแล้ว แต่ที่อยากรู้ก็คือค่าเลือดจะดีขึ้นรึเปล่า ในเวลาหนึ่งเดือน นอกจากคุมอาหารอย่างมีวินัย เราก็กินยาอย่างมีวินัยด้วย วันนี้ก็ครบเดือนพอดี พร้อมค่ะ ออกบ้านไปบริจาคเลือดอีกครั้งนึง พร้อมกับงดของมันของทอด งดเบียร์ด้วย

พอมาถึงตรวจโน้นนี่นั้น คุณหมอเจาะปลายนิ้วเจ็บอีกแล้ว (T_T) ผลก็ออกมาค่ะว่า ผ่านแล้ว!! โห ดีใจมาก บริจาคเจ็ดครั้งที่ผ่านมา นอกจากครั้งแรก ก็ครั้งนี้แหล่ะ ที่ตื่นเต้นกับผลตรวจเลือด กลัวมาเสียเที่ยวอีก แต่เนื่องจากเดือนที่แล้วเค้าไม่ให้บริจาค ครั้งนี้ก็ยังต้องไปเช็คผลกับทาง Donor Care อีกรอบนึง คุณหมอบอกว่า รอบนี้บริจาคได้นะคะ แต่ว่า จะขอให้เก็บผลเลือดจากตอนที่บริจาค แล้วให้หลอดเก็บผลเลือดมาอีกชุดนึง เพื่อเป็นการอัพเดทอีกรอบนึง แล้วก็จะมีให้ยาบำรุง(เหมือนเดิม) อีกชุดนึงไปกินต่อ ครั้งต่อไป ถ้ามาก็มาเช็คที่นี่อีกรอบนะคะ

ผ่านแล้ว เย้ๆ แต่ครั้งถัดไป ก็ต้องมาเช็คอีก นี่คือ อีกสามเดือนต้องมาใหม่ใช่มั้ย มาอีกทีปีหน้าได้มั้ย ปกติบริจาคแค่ปีละครั้ง

พอเช็คทุกอย่างแล้ว ก็ได้บริจาคแล้ว เนื่องจากตอนนี้ เค้าลดความแออัดของผู้ให้บริจาค เค้าเลยให้ไปนั่งอีกชั้นนึง วิวสวย ที่นั่งสะดวกสบาย แล้วรอคิวชิลๆ โชคดีที่วันนี้คนโล่งๆ ปกติมานี่คนแน่นเลย แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะเค้ากระจายที่นั่งรอเพิ่มรึเปล่านะ แต่รู้สึกว่า วันนี้รอไม่นานเลย

วิวชั้นเก้า ใจกลางเมือง

โห นี่บริจาคปีนี้ ฉันใช้เวลาเตรียมตัวนานเป็นเดือนเลยนะ เพื่อเลือด 400 cc เนี่ย ใครจะบริจาคเลือด ก็รักษาสุขภาพให้แข็งแรง แล้วก็กินยาบำรุงเลือดให้ครบตามคำแนะนำด้วยนะคะ

เจ็บปวดมาก น้ำตาเล็ด แต่ตอนนี้เก่งแล้ว แค่น้ำตาเล็ด ไม่ร้องไห้แล้ว

ปล. และเนื่องจาก ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ? แปด แล้วมั้ง และครั้งก่อนหน้านี้ตอนเดือนสิงหาปีก่อน เราไปบริจาคที่หน่วยบริการเคลื่อนที่ที่ออฟฟิศ เค้าก็เลยไม่ได้ออกใบให้ แล้วมาให้ตอนนี้แทน ตอนนี้มีใบประกาศ และมีเข็มให้ด้วย เฮ้ย ตื่นเต้น ปีนึงบริจาคครั้งสองครั้งเอง ครบเจ็ดครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ได้นับเลย เย้ๆ เก่งมากเจ้าอ้วน

รับมาอย่างงงๆ อ๋อๆ ค่ะ
โอ้ย แค่เจาะเลือดตรวจก็จะเป็นลมแล้ว นี่เอาเลือดออก 400 cc รอดมาก็เก่งแล้ว

บันทึกป้าฟิตเนส: ทดลองเต้น Poledance ต่ออีกซักเดือนละกัน

สวัสดีค่ะ

บันทึก การทดลองเรียน Poledanceครั้งแรก https://wp.me/pJ8JX-10f

จริงๆปีนี้ เรากะว่า จะเต้น Poledance ซักเดือนละครั้งสองครั้งพอ แต่กลายเป็นว่า ไปซื้อ pack แบบเหมา 10 ครั้งในหนึ่งเดือนมา ช่วงนี้เลยเล่นถี่มาก จริงๆหายไป ไม่ได้เล่นตั้งแต่ปีใหม่ เพราะมีทริปเที่ยวทั้งเดือนเลย เพิ่งได้มาเริ่มเล่น จริงๆถ้าพักยาวๆ กลับมาอีกที แทบจะเริ่มใหม่เลย แต่ว่า ก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น วันนี้ ว่างๆ ก็นอนดูวิดีโอ เลยอัพเดทหน่อยดีกว่า ก็เห็นชัดเลยว่า ก่อนปีใหม่ กับตอนนี้ ดูดีขึ้นเยอะ หมายถึง แข็งแรงขึ้นนะ ไม่ใช่หุ่นดีขึ้น ตอนนี้ยังเป็นหมูบินอยู่ดี

เมื่ออาทิตย์ก่อน มีโอกาสไปเข้าคลาสเย็น แล้วก็เกิดอาการมึนหัวขึ้นมาซะงั้น เฮ้ย นี่เรสคิดว่า เล่น Poledance จะไม่เป็นนะ ครั้งนี้มึนซะงั้น หมุนไป ดมยาดมไป จิบน้ำไป เลยคิดว่า อาการมึนหัว น่าจะเกิดจากเหนื่อยเกินไป เพราะเราก็เล่นหลังเลิกงานไง พลังงานหมด แต่พิลาทิส หลังเลิกงานไม่เป็นไรนะ เพราะไม่มีท่าที่หัวแกว่งๆมั้ง กลายเป็นว่า คลาสหมุนๆ แกว่งๆ แอ่นหลังเยอะๆ รวมไปถึง Poledance จะเข้าหลังเลิกงานไม่ได้เฉยเลย เศร้าจัง

ตอนนี้ ปวดทั้งขา ทั้งแขน ทั้งพิลาทิส ทั้งโพลแดนซ์ รวมๆกัน ไหวแหละแก วิดีโอ ก็เอาแค่ของเดือนนี้ละกัน อันเก่าๆ เอาไว้เก่งกว่านี้ ก็เอาไว้เทียบดูความเปลี่ยนแปลงละกัน 555

1 Feb 2020

8 February 2020

14 February 2020 รอบนี้ไงที่มึน เต้นเสร็จก็ต้องกลับไปทำงานยันตีสองด้วยนะ

15 February 2020

22 February 2020

รอบนี้ก็ไหวอยู่นะ ก็ยังยืนยันว่า คนอ้วนเล่นได้นะ ฮะๆๆๆ ครั้งต่อไป ลองเวลสูงขึ้นได้รึยังน้า….

บันทึกป้าฟิตเนส: ทดลองเป็น Polerina

เดือนที่ผ่านมาค่ะ ไปเรียนเต้น Pole Dance มา ที่ไปเนี้ย ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปเล่น Pole Dance นะ พอดีที่ Studio Fly me to the moon เค้ามีโปรโมชั่น แล้ว ส่วนตัวอยากลองเล่น Aerial Hoop มานานแล้ว ก็ติดตามจากเพจของ Studio นี้นี่แหล่ะ เลยซื้อ Package มาลองดู แต่ว่า พอซื้อแล้วก็ต้องไปเที่ยวต่างประเทศอีกเกือบสองอาทิตย์พอกลับมา Package ที่ซื้อ ก็ใกล้จะหมดอายุอีก เลยต้องรีบไปใช้ พอเช็คตารางดูแล้ว อาทิตย์นั้น มีว่างแค่ไปเล่น Pole Dance เอ้า ลองดูก็ได้ค่ะ สู้ๆ

วันแรกไปเล่น ตึงไปหมดเลยค่ะ ครูก็จะสอน ยืดเหยียด ทำความคุ้นเคยกับเสา แล้วก็สอนเป็น routine เต้น ซึ่งปกติ คลาสพวกนี้ ตอนต้นคลาส ครูก็จะบอกว่า จะเต้นเพลงอะไร Big Pose ของวันนี้คืออะไร ด้วยการที่เพิ่งไปครั้งแรก ครูก็จะมาสอน Basic การขึ้นเสา ตอนแรกก็จะยากนิดนึง พอทำเป็นแล้ว ครั้งต่อไปก็จะไม่ยากแล้ว (มั้ง) ซึ่งเค้าก็จะมีระดับของความยากอยู่ เราเพิ่งไปครั้งแรกๆ ก็จะต้องเจียมตัวหน่อย ไม่ต้องขึ้นสูง แต่พอจบหนึ่งท่า ก็เหงื่อท่วมแล้วค่ะ จบคลาสนี่ แขนขาแดงไปหมด ครูบอกว่า เป็น Pole Kiss นอกจากนั้นแล้ว ก็จะปวดแขนนิดหน่อยด้วย เหมือนต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่เคยใช้ (ก็ใช่ซิ จะเคยใช้ได้ไง ตอนไปยิม เทรนเนอร์ให้ดึงข้อ ยังยกตัวเองไม่ขึ้นเลย)​ แต่ว่า รู้สึกดีกว่าเล่น Aerial Fly นะ เพราะผ้าไม่รัดขา ตอนลองเล่นอีกรอบ (ด้วย Package นี้แหล่ะ) ก็จำได้เลยว่า ทำไมถึงเลิกเล่น แต่ก็สนุกนะ สนุกทั้งสองอย่างเลย พอดีไปเล่นวันเสาร์อาทิตย์ พักผ่อนมาเต็มที่ ไม่มีอาการมึนหัวแต่อย่างใด ทั้งสองคลาสเลย แต่ว่า เรารู้สึกดีกับ Pole Dance มากกว่า อาจจะเพราะเสามันไม่แกว่งไปมา เหมือนผ้า Hammock มั้ง

นี่ก็ หนึ่งเดือนแล้ว ก็จะได้ประมาณนี้

ก่อนเข้าคลาสก็มีความกังวลอยู่เหมือนกัน เพราะว่า เราก็ไม่ใช่คนหุ่นดีไง เห็นตามวิดีโอ คือคนเล่น Pole Dance คือพวกคนตัวเล็กๆ แต่ดูแข็งแรงทั้งนั้นเลย ก็ถามเค้าก่อนเลยว่า คนอ้วนเล่นได้ไหมคะ เค้าบอก เล่นได้สบายมาก เด็กๆก็เล่นได้ คนแก่ก็เล่นได้ คนอ้วนก็เล่นได้ แบบนี้ก็สบายใจละ เค้าก็จะแนะนำว่า การแต่งตัวคือต้องใส่ SportBra กับ กางเกงขาสั้น แล้วห้ามทาโลชั่นมาด้วย เพราะจะทำให้ลื่น ถามว่ากังวลมั้ยว่า ใส่แค่ Sport Bra บอกเลยว่า อยากใส่แค่นี้มาออกกำลังกายนานแล้วค่ะ พอเข้าคลาสแล้ว เราก็ไม่กังวลเรื่องรูปร่างแล้ว กังวลเรื่องอื่นมากกว่า ฮะๆๆ ว่ากันว่า การเล่น Pole Dance คือการเพิ่ม Self Esteem เหมือนกันนะ I love my waist ฮะๆๆๆ จริงๆถ้าผอมลงอีกหน่อย แล้วก็แข็งแรงอีกหน่อย น่าจะโอเคนะ สิ่งที่เราสามารถรู้สึก(ไปเอง)ได้ทุกครั้งที่ออกกำลังกายคือดิฉันแข็งแรงขึ้นทุกวันค่ะ

อยากเล่นต่อจังเลยค่ะ เดือนหน้าซื้อต่ออีกซักแพ็คก็แล้วกัน

ทดลองเป็นนักดำน้ำ ปีสอง

สวัสดีค่ะ ทริปวู่วาม มาแล้วค่ะ

หลังจากโคชกฤต โคชออกกำลังการชื่อดังจีซบออปป้า ย่านพระรามเก้าชวนไปดำน้ำ ตั้งแต่มกราคม ช่วงนั้นกำลังเฮิร์ต ใครชวนไปไหนก็ไป ผ่อนจ่ายไปสามเดือน แล้วทริปมีสิงหานะ จองกันล่วงหน้าครึ่งปีเลย กะว่า เอ้ออ.. อีกหลายเดือน ว่างๆเดี๋ยวไปรีสกีลที่สระในกรุงเทพนี่แหละ ไม่ก็หาทริปเล็กๆไป ไปๆมาๆ ไม่มีเวลาเลยค่ะ พอตั้งหลักได้ ก็กลับมาทำงานสุดฤทธิ์ เพราะต้องใช้กรรมที่เฮิร์ตไปเกือบเดือน ก็มีกิจกรรมโน้นนี่นั้น เลยไม่ได้หาที่รีสกีลเลยค่ะ

พอถึงเวลาจะไป… ตายห่… ไม่ได้รีสกีล ไม่ พร้อม ไม่พร้อมโคตรๆ ลืมไปหมด วิธีดำน้ำ มีอะไรบ้าง ก็เอาวะ มีสติก็พอ ตอนแรกเค้าไล่ๆถามดู มีใครมือใหม่บ้าง นี่แบบ ห้าไดฟ์ค่ะ ที่เกาะเต่า ตอนสอบล้วนๆ โดนเพื่อนที่ชวนมาไซโคอีก ตายแน่ ชวนไปแสมสารก็ไม่ไป โอ้ยยยย เค้าไม่ว่างมั้ยล่ะ ใจนึงนี่แบบ โอ้ย ไม่อยากไปแล้ว ขอขายต่อได้มั้ย แต่ก็ต้องไปแหละ เพราะเอาตัวเองมาถึงหาดใหญ่แล้ว กะว่า ไม่ไหวยังไง ก็สกิปเอาละกัน

ถึงหาดใหญ่ประมาณทุ่มนิดๆ รอรถมารับไปที่เรือฟ้าใส ที่ปากบารา นี่เรือ livaboard ครั้งแรกในชีวิต แถมเป็นทริปแรก หลังเรียนจบมาหนึ่งปี ตายๆๆ รีสกีลก็ไม่ได้ทำ มาถึงก็เค้าให้เอาของเก็บในห้อง ห้องที่พักจะทีสองชั้น อั๋นพักอยู่ห้องชั้นบน ในห้องจะมีที่นอนสองชั้น มีปลั๊ก มีหลอดไฟ แต่หลอดไฟเตียงเราใช้ไม่ได้ แต่รวมๆก็นอนได้ดี หลับสบาย มีแอร์ทุกห้องค่ะ

เค้าบอกว่า อาหารที่เรือฟ้าใส อร่อยทุกวัน กลับไปอ้วนแน่นอน เชื่อแล้วจ้าาาา ของกินดีมาก ไม่อั้นจริงๆ ซีฟู๊ดสดมาก ๆ แต่ว่านะ อั๋นเดี๋ยวนี้กินได้ไม่ค่อยเยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ลาก่อย แต่ไม่รู้น้ำหนักจะขึ้นรึเปล่า กลับไป เดี๋ยวไปเช็ค

มาเล่าเรื่องดำน้ำดีกว่า ด้วยการที่ไม่ได้ทำรีสกีลมา โอ้โห วิธีลงน้ำยังทำไม่เป็นเลยค่ะ ไดฟ์หลีดชื่อพี่น้อยค่ะ ต้องให้เค้าบรีฟให้ทุกอย่าง ลงน้ำแล้ว พี่น้อยก็ต้องช่วย ดึงลงมาให้ลงน้ำ อีนี้ลงน้ำแล้ว ลืมหมดว่าต้องทำไงต่อ ปุ่มไหนเอาลมเข้า ปุ่มไหนเอาลมออก ไม่รู้ค่ะ ลืม ไดฟ์ถัดๆไป ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากลงน้ำเองไม่ได้ เคลียร์หน้ากากไม่ได้ ลอยตัวไม่ได้ เอาตัวเองจมไม่ได้ ปล่อยพี่น้อยปุ๊บ ลอยตามกระแสน้ำเลยจ้า หลังๆเริ่มคุ้นแล้ว ซักไดฟ์ที่ห้า ก็เริ่มไปเองได้แล้ว พี่ๆที่ไปกลุ่มเดียวกันก็คอยช่วยบรีฟให้ก่อนลง เรียกเวลาหลง ว่ายน้ำมารับตอนว่ายหาเรือไม่ได้ ให้ยืมไฟฉาย ให้ยืมถุงมือ ที่แบบถึงจะไม่ใช่คู่กัน แต่ก็กันมือแหกได้ระดับนึง

มีไดฟ์ที่พีคๆคือ เช้าวันที่สอง ตื่นมาก็เมาเรือเลย ก็กินยาแก้เมาไป ถึงเวลาดำน้ำ ไม่หายค่ะ ไดฟ์ไซต์ชื่อ เกาะหินแปดไมล์ อื้อหือออออ ลึก 22 เมตร แทบตาย ลืมวิธีเคลียร์หน้ากาก พี่น้อยต้องมาช่วยสอนใหม่ ช้าๆ ใจเย็นๆ นี่แบบ น้ำเข้าแว่น ทำไรไม่ถูกเลย พอทำเป็นแล้วก็เริ่มดำน้ำกัน น้ำแรงมากกกกกก ปล่อยพี่น้อยไม่ได้เลย มีน้องอีกคนนึง เป็นน้องสาวเพื่อนที่ชวนมา คือแบบหน้ากากหลุด ฟินหลุด หนักกว่าอีก แต่เป็นไดฟ์ไซต์ที่สวยมาก ปลาเยอะ ปลาใหญ่ แต่อึดอัดมาก อยากจะขึ้นเต็มที เหมือนจะหายใจไม่ออกทั้งๆที่ปากก็คาบ regulator อยู่ ท้ายๆไดฟ์ อาจจะเหนื่อยไป ใช้ออกซิเจนหมดไวอีก พี่น้อยก็เอาของพี่น้อยให้ เกาะอยู่ซักพักถึงจะขึ้น ไม่ไหวแล้ว ขึ้นมาอ้วกเป็นโอวัลติน แล้วหลับยาวค่ะ เพราะตื่นมาก็ยังมึนๆ เลยข้ามไดฟ์ถัดไปเลย

นี่ไง คาบเร็กของพี่น้อยตอนท้ายๆไดฟ์ เหนื่อยจัด

จากนั้นไดฟ์ที่เหลือ การเคลียร์หน้ากากก็ไม่ยากแล้ว เย้ พยายามใช้อากาศน้อย ไม่ให้ตัวเองเหนื่อยด้วยการหายใจช้า ค่อยๆคืบคลานไป ถอดฟินตอนขึ้นจากน้ำเองได้แล้ว ก็คิดว่าตัวเองทำได้ดีอยู่นะ ไม่ค่อยกลัวแล้ว แต่ยังขึ้นเองไม่ได้ เพราะต้องทำ safety stop แล้วเราไม่มีไดฟ์-คอม ก็จับไป พอไหวอยู่ค่ะ

ทริปนี้ต้องขอบคุณพี่น้อยมากๆ ผู้ช่วยชีวิตตั้งแต่ไดฟ์แรก ยันไดฟ์สุดท้าย พี่หมึกคนจัดทริปบอก อั๋นสุดยอดมาก แค่ไดฟ์ที่ห้า มาได้ขนาดนี้ มาบ่อยๆจะได้เก่งขึ้น เอ้า สู้ๆ ถ้ามีครั้งหน้าอีก…. เดี๋ยวขอดูเวลาก่อนนะคะ แต่ทริปนี้สนุกมาก เกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองชอบว่ายน้ำ

ข้างบนเป็นรูปรวมของทุกคนในทริปค่ะ รูปในน้ำคือจากกล้องของคนในกรุ๊ปค่ะ กล้องชุดใหญ่ไฟกระพริบ ปริบๆ นิดๆหน่อยๆพอ เกรงใจเจ้าของรูป แต่ของจริงสวยมาก

Note to self:

– ถ้าแกไม่ได้ดำน้ำนานมากเป็นปี แกควรไปทำรีสกีลอ่ะ อย่านึกว่ามีสติแล้วจะพอ ต้องมีสกีลด้วย ตอนเคลียร์หน้ากากสติแกครบนะ แต่แกไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ดีนะไม่ตกใจและยังตั้งใจฟังพี่น้อยอยู่ ไดฟ์หลีดคนอาจจะไม่ได้มาดูใกล้ชิดแบบนี้นะ

– แกเลิกทำตัวเฮิร์ตแล้วกดทริปวู่วามได้แล้ว

– ทำตัวน่ารัก สวยๆ แดกเบียร์ฟรีได้เสมอ นี่ไปทำพี่คนนึงในเรือคิดมากทั้งทริปอ่ะ ฮา

– mi band รุ่น 2 ลงน้ำลึก 22 เมตรหนึ่งชั่วโมงได้ไม่พัง แต่ครั้งต่อไปไม่ต้องไปลองนะ ถอดก่อนก็ได้ ดีนะไม่พัง

– ในโชคร้าย ยังมีโชคดีอยู่ นี่คือรางวัลปลอบใจคนไม่ได้รางวัล คือ ถุงมือกันมือแหก จากคนทริปก่อนๆเค้าลืมไว้ ทริปหน้าสบายละ

Note for others:

– ถ้าเบื่อๆชีวิตนะคะ ลองลงเรียนดำน้ำดู แล้วจะรักชีวิตตัวเองขึ้นมาทันที

ทดลองวิ่งฮาร์ฟมาราธอน

อาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ ป้าได้เกิดใหม่ในการวิ่งระดับ ฮาร์ฟมาราธอนแล้ว ป้าวิ่ง 21 กิโลจบแบบเจ็บเล็กน้อยค่ะ

มันเกิดขึ้นได้ยังไง คือ เมื่อตอนกลางๆปี เพื่อนคนจันทบุรี @Dragonoss ชวนเพื่อนๆไปวิ่งมาราธอนกัน หลายคนก็สนใจค่ะ ถือว่าไปเที่ยวกัน แล้วก็ท่านประธาน @scomma ค่ะ บอกว่าจะลง 21 กิโลเมตร แล้วก็ชวนป้าลง ป้าก็บอกว่า ถ้าป๊อบลง เราก็ลง เค้าก็ลง 21 กิโลเมตรค่ะ เราก็… เฮ้ย แม่งลงจริงหว่ะ ประกอบกับ พี่ที่รู้จักที่เป็นคนจันทบุรี ชื่อพี่ทัน ก็บอกว่า เค้าก็จะลงนะ แต่เค้าจะลง Full Marathon เลย ครั้งแรกของเค้าด้วย พอดีจัดที่บ้านเกิด เลยจะเปิดซิงที่นี่เลย น้องอั๋นลงซิ ไหนๆก็วิ่ง 10 กิโลเมตรมาหลายงานแล้ว พอมีคนยุแบบนี้ ก็เลยตัดสินใจลง 21 กิโลเมตรเลยค่ะ เปิดซิง Half Marathon

จำไม่ได้ว่าสมัครเมื่อเดือนไหนนะ แต่ว่าก็ไม่ได้วิ่งเลย ได้แต่เข้าคลาสเต้น ช่วงนั้นก็ ไปบ้างไม่ไปบ้าง เพราะเที่ยวตลอด ชั่วโมง สองชั่วโมง ตามประสาป้าฟิตเนส พอเมื่อเดือนสิงหาคม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อั๋นมีงานวิ่ง Human Run ของนิตยสาร A Day น่ะค่ะ คือ จริงๆจำไม่ได้ด้วยว่าตัวเองสมัครไว้… เหมือนจะสมัครวิ่งงานอื่นด้วย แล้วก็ขาย BIB ไป งานนี้จริงๆก็อยากขาย BIB ต่อมาก แต่ก็คิดว่า เออ… เดี๋ยวมีงานใหญ่รออยู่ ถือว่าซ้อมวิ่งก็แล้วกัน ไม่ได้วิ่งนาน

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เหนื่อยม้ากกกกก จุกตั้งแต่กิโลเมตรที่สอง วิ่งได้ ไม่ให้ Pace มากกว่า 8 Min/km. ก็แย่แล้ว คือเดินตั้งแต่ กิโลเมตรที่ 4 กันเลยทีเดียว จากที่เคยวิ่ง สิบโล ประมาณชั่วโมงนิดๆ รอบนี้ซัดไป เกือบชั่วโมงยี่สิบ Pace ไม่แตะแปด ก็บุญแล้ว อะไรงี้ ทั้งๆที่เมื่อสองเดือนก่อน ทำได้เฉลี่ยแค่ 7.09 min/km เอง

screen-shot-2016-11-22-at-10-35-20-pm

Pace เฉลี่ย เกือบแตะ แปดละ แต่จริงๆก็ หลังๆก็เดินซะมากกว่า

screen-shot-2016-11-22-at-10-36-42-pm

เออ เดินตั้งแต่กิโลเมตรที่สี่ เพิ่งจะวิ่งก็ตอนใกล้ๆจะจบ

พอรู้ตัวว่าวิ่งแย่มาก งานนี้  พี่ทันบอกว่า เดี๋ยวเจอกันที่งานจันทบุรี ลงฮาร์ฟ ถ้าซ้อมก็ให้วิ่งต่อกันซักสองชั่วโมงได้ก็โอเคแล้ว ก็เลยซ้อมวิ่งเรื่อยๆ แต่ครั้งละไม่เกินหนึ่งชั่วโมงแหล่ะ จริงๆก็ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ เอาเวลาไปเข้าคลาสหมด พอจะมาวิ่งก็ดึกแล้ว แถมบางวัน เข้าคลาสหนักมาก ขาไม่แรงซะงั้น แต่ก็วิ่งเรื่อยๆแหล่ะ ให้ชินกับความเหนื่อย

เอาจริงๆ พอวันงานจริงใกล้จะถึง ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่คาดคิด ก็ทำให้กิจกรรมโดนเลื่อนออกไป ที่แย่ก็คือ เลื่อนไปตรงกับที่ท่านประธานมีนัดไปเที่ยวซะแล้ว อ่าว กูวิ่ง 21 กิโลฯ คนเดียว… แต่ก็ค่อยโล่งใจ ที่มีคนเปิดซิง 21 กิโลเมตรเหมือนกัน คุณภัท @foamschool ก็ลงวิ่ง 21 กิโลเมตรด้วย เย้ๆ คือมีคนวิ่งระยะเดียวกันก็ดีคือ จะไปถึงสนามพร้อมกัน แล้วก็เสร็จเวลาน่าจะพอๆกัน เพราะว่าคนอื่นลงวิ่ง 10 กิโลกันทั้งนั้น ทีมวิ่ง 10 กิโลเมตรก็มี @officialyui, @natthaof แล้วก็ @obdae เยี่ยมเลย

นี่คือระยะที่วิ่งค่ะ จะเห็นว่า ช่วงกลางๆ กิโลเมตรที่ 8-14 จะชันเลย วิ่งขึ้นเขาค่ะคุณณณณณ เนินอย่างโหด เขาเจ้าหลาว วิ่งต่อไป จะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี สวยมาก แผนที่ทำดีนะคะ บอกระดับความชันของสนามวิ่งด้วย

csm_route_21_030916-1.jpg

เราก็ออกจากที่พักตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง เริ่มวิ่งตีห้า ตื่นเต้นมาก คือก็กะว่ายี่สิบเอ็ดกิโล ก็น่าจะไม่ให้ pace เกิน 8 min/km ก็ได้ มันวิ่งยาว เก็บแรงหน่อย นี่ครั้งแรก ซักสามชั่วโมงก็ได้ ระยะ half marathon มีผู้เข้าร่วมประมาณพันห้าร้อยคน เฮ้ยเยอะหว่ะ สิบกิโล อีสทูเมนสตีมแล้วใช่มั้ย

P_20161120_044854.jpg

เราวิ่งเลียบถนนหาดเจ้าหลาว ช่วงที่เป็นหาดคือ สวยมาก แถมเป็นช่วงพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นนะ โอ้ย สวย แต่ไม่ค่อยได้เก็บภาพหรอก เขาเจ้าหลาวคือเนินโหดดี วิ่งมาหลายงาน เนินที่นี่ชันสุด วิ่งขึ้นไม่ไหว ต้องเดินเอาแหล่ะ

img_20161120_060623

P_20161120_064453.jpg

เราได้ถ่ายภาพอีกทีก็ตอนถึงสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี หลังจากผ่านเขาเจ้าหลาวแล้ว ตรงนั้นจะเป็นช่วงกลับตัวพอดี เราไปถึงก็ประมาณหกโมง ยังไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ เห็นได้จาก ไฟถนนยังเปิดอยู่เลย เห็นตรงนี้แล้วก็ชื่นใจ เอร้ยยยยย ครึ่งทางล้าวววว ชั้นใช้เวลาชั่วโมงเดียวเอง เก่งมากเจ้าอั๋น

Jpeg

P_20161120_061815.jpg

จริงๆตอนวิ่ง เตรียมเพลงคลาส BodyJam ไว้ เปิดสองคลาสก็น่าจะใช้เวลาที่สองชั่วโมงครึ่ง หมดเพลงคลาส BodyJam ไปสองคลาส ยังไม่ถึงเส้นชัย เหนื่อยก็เหนื่อย ช่วงกิโลเมตรที่ 18-20 ก็เดินๆวิ่งๆ เล่นเฟสบุ๊คบ้าง พอดีเห็นเพื่อนที่วิ่ง ห้ากิโลเมตร บอกว่าเข้าเส้นชัยแล้ว พวกที่วิ่ง 21 ก็ทะยอยเข้าเส้นชัยกันแล้ว อีนี่เหลืออีกประมาณสองกิโล เอาวะ รวบรวมกำลังชุดสุดท้าย วิ่งๆ สุดท้ายก็จบจนได้ รู้สึกดีใจ เกิดใหม่ในระยะนี้

https://plus.google.com/u/1/+PatamaRamchune/posts/dN9T7HoaKhV

ไปๆมาๆ ก็วิ่งเรื่อยๆ ได้ pace 6 กว่าๆ ถึง 7 ต้นๆเองนะ มีบางช่วงที่เริ่มเหนื่อยบ้าง pace ถึง 9 เลยก็มี แต่ว่า เฉลี่ยแล้วก็ยังออกมาดีอยู่ แถมทำเวลาไม่เกินสามชั่วโมงด้วย นี่ครั้งแรกที่เราวิ่ง Half Marathon เลยนะ ไม่เหนื่อยเท่าที่คิด อาจจะเพราะ เราซ้อมวิ่งเรื่อยๆ แล้วก็ออกกำลังกายตลอด BodyStep คงมีส่วน ไว้รอบหน้า จะจบแบบไม่เจ็บ ขอซักสองชั่วโมงครึ่งก็แล้วกันนะ นี่ First finisher T-shirt เลยนะคะเนี้ย เราพอรู้มาอีกว่า คนที่วิ่ง Full Marathon เสร็จ เสื้อจะมีชื่อพิมพ์ไว้ด้วยนะ เท่มาก แต่คงไม่ไหว

Jpeg

ที่เจ๋งคือ เหรียญสวยมาก ประทับใจ คือเป็นรูปพะยูน แล้วก็มีพลอยประดับไว้ด้วย สำหรับคนที่วิ่งมาราธอน จะได้เป็นเพชรประดับที่เหรียญแหล่ะ

Jpeg

แต่วิ่งเสร็จนี่ ตายเลย ปวดหัว ปวดขา ปวดหลัง หลับไปยาวๆเลย เช้านั้น วันจันทร์น่ะหรอ… ลาป่วยค่ะ ซัดยาแก้ไข้ไปสองเม็ด หลับทั้งเช้าเลย แต่ถ้าจะลงรายการวิ่งอีก ก็คงไม่กลับไป มินิฮาร์ฟมาราธอนแล้วแหล่ะ เพราะว่า ป้าเกิดใหม่กับระยะ Half Marathon แล้ว อิอิ

สรุปสถิติค่ะ! ถึงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่า ก็ไม่เลวสำหรับครั้งแรกนะ ครั้งต่อไป ไม่มีเจ็บค่ะ เห็น split มั้ยคะ นี่วิ่งหกเลยนะคะ ฟิตป่ะหล่ะ อ๋อ…ช่วงนั้นเป็นทางลงเขา ฮะๆๆๆscreen-shot-2016-11-22-at-11-26-35-pmscreen-shot-2016-11-22-at-11-27-12-pm

screen-shot-2016-11-22-at-11-29-57-pmscreen-shot-2016-11-22-at-11-30-08-pm

สุดท้ายตามเคย รูปของทริปนี้ ไม่เกี่ยวกะรูปวิ่ง
แต่นี่คือสภาพตอนตื่นหลังจากหลับเป็นตาย
จากการวิ่งอันหนักหน่วง
ไม่รู้ซิ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้เลย ทริปนี้ พอก็รู้ข่าวดี ก็สวยเลย

Jpeg
มอนิ่งนะคะ

ทดลองเรียนดำน้ำ

พอดีเมื่อวาน เพิ่งได้บัตรดำน้ำ ระดับ open water มาค่ะ เลยอยากจะเล่าเรื่องที่อั๋นได้ไปทดลองเป็นนักดำน้ำที่เกาะเต่าดูค่ะ

P_20161005_235807_1.jpg

เดือนก่อนค่ะ อยู่ๆอั๋นก็ตัดสินใจว่า เฮ้ย พี่ว่าจะไปดำน้ำสิ้นเดือนนี้แหล่ะ ว่าแล้วก็จัดแจงจองคอร์ส จองรถ ขอวันลา โดยที่ลืมไปอีก ว่าทับกับงานวิ่งที่ตั้งใจลงวิ่ง แบบรอกดจองตั้งแต่หน้าเวปยังไม่เปิด… ลืมได้ไง แต่ก็…นะ ก็ขาย Bib ให้คนอื่นไป แล้วก็ไปดำน้ำ สบายใจเฉิบ

ยังไงก็แล้วแต่ เราก็พาตัวเองไปเกาะเต่าคนเดียวจนได้ แค่เริ่มทริปก็ป่วนแล้ว แต่ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของท่าเรือลมพระยามากๆ ไม่งั้น คงไม่ได้ไปแล้ว รอบหน้าไม่พลาดดดด

เราเริ่มเดินทางจากออกจากกรุงเทพประมาณสี่ห้าทุ่มจากท่ารถของบริษัทลมพระยา ขึ้นที่บางลำพูค่ะ รถยิงยาวไปถึงท่าเรือที่ชุมพรค่ะ ตรงนี้ก็พักล้างหน้าล้างตา เราก็พักเปลี่ยนชุดจากชุดนอนบนรถทัวร์เป็นชุดเตรียมเที่ยวทะเลละ

P_20160820_060618.jpg

P_20160820_071014 (1).jpg

แล้วจากท่าเรือ ก็ขึ้นเรือเฟอรี่ที่นั้น ยาวๆไปเกาะเต่าเลย กว่าจะถึงก็ซักสายๆแล้ว จริงๆนะ แค่เห็นทะเล ก็รู้สึกสดชื่นแล้ว ดีใจที่ได้มา

P_20160820_094811.jpg

อั๋นเรียนดำน้ำที่ Ban’s Diving Resort ค่ะ คนที่ทำงานเรียนที่นี่กันหลายคน เลยยุให้เรามาเรียนด้วย มาถึงก็เค้าก็ต้อนรับดี มีรถมารับจากท่าเรือ ไปส่งที่รีสอร์ตเลย ที่พักสวยดี

P_20160820_101102.jpg

P_20160820_101115.jpg

คอร์สดำน้ำที่เราเรียนเป็นคอร์ส Open water ค่ะ จะอนุญาติให้คนที่มีบัตรอนุญาตินี้ ดำได้ลึก 18 เมตร มีที่พักฟรีให้แต่เป็นห้องพัดลม (แต่รู้มาว่า ถ้ามาหลายคน เค้าอัพเกรดให้นะ) ห้องก็โอเคอยู่นะ ไม่ต้องใช้แอร์ก็ได้ อากาศดี เก็บของอะไรเสร็จ เราก็ไปนอนพักริมทะเล พอเพลียๆแดดก็มานอนพักในห้อง… หลักๆวันนั้นก็นอนแหล่ะ ดี๊ดี พักผ่อน พอเย็นๆเค้าก็นัดมาคุยเรื่องหลักสูตร กับนัดหมายเวลา

หลักสูตรวันแรกเค้าให้เราเอาหนังสือไปอ่าน แล้วก็ดูวิดีโอไปค่ะ ก็ดูไปจนจบแหล่ะ แต่รู้เรื่องบ้าง หลุดบ้าง จับโปเกม่อนบ้าง ก็คืนนั้นก็หลักๆก็ดูวิดีโอ กับ ทำแบบฝึกหัดแหล่ะค่ะ

P_20160820_171817.jpg

ตอนเช้า ครูสอนดำน้ำก็จะมา re-cap วิดีโอที่ดูเมื่อคืน หลักๆก็เป็นความรู้เรื่องความดันเวลาเราลงไปในน้ำ และความปลอดภัย หมดคาบรู้สึกจะรู้อะไรเกี่ยวกับการคำนวนความดัน และอวัยวะในร่างกายเยอะขึ้นนิดนึง น้องสอนสนุกดีนะ แถมวิวที่เรียนก็ดีมากๆด้วย กรี๊ด

P_20160821_120824.jpg

ตอนบ่ายนั้น เราก็ไปเรียนดำน้ำกันในสระค่ะ ตอนนี้ครูเค้าจะสอนสกีลต่างๆที่ต้องมี เช่น นัดแนะสัญญาณมือ การใช้อุปกรณ์ต่างๆ การเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะกับตัวเอง การหายใจผ่านเรกกูเลเตอร์ การใช้อัลทิเนตซอร์ส การเคลียร์หน้ากาก การแก้ปัญหาเมื่อมีอุปกรณ์หลุดจากร่างกาย การรักษาระดับการลอยตัว อะไรแบบนี้ (คือตอนนี้ก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วว่ามีสกีลอะไรบ้าง) ที่เจ๋งก็คือ เค้ามีแว่นตาดำน้ำสำหรับคนสายตาสั้นด้วย ก็ดีเลย คิดว่า ถ้าจะถอย gear อะไรสำหรับดำน้ำเป็นอันแรก น่าจะเป็นแว่นตาดำน้ำนี้แหล่ะ

P_20160820_102137.jpg

P_20160821_164258.jpg

ไดฟ์แรกก็รักเลย แต่วันนั้นเราใส่ wet suite แขนสั้น ถอดเสื้อมานี้ แขนสองสีเลย เลยบอกครูสอนดำน้ำว่า เออ พรุ่งนี้พี่ไม่ใส่ wet suite แล้วนะ ไดฟ์หลังๆเลยใส่แต่แขนกุด แขนจะได้ดำเสมอกัน ฮะๆๆ แล้วก็ หมดไปสำหรับวันแรก เริ่มคุ้นกับการว่ายน้ำ และ ดำน้ำแล้ว เราก็ไปพักผ่อน สวยๆ ไล่กินจินโทนิกตั้งแต่ต้นหาดมาเรื่อยๆเลย มีร้านนึงลดราคาให้ด้วย ดีงาม กลับบ้านหลับสบาย

ตามหลักสูตร วันที่สาม กับ วันที่สี่ ก็จะดำน้ำวันละสองไดฟ์ วันที่สามนี้ เราก็จัดไดฟ์เช้าเลย มาแต่เช้า ก็จะดำน้ำจริงๆในทะเลแล้ว คือแบบ ตื่นเต้นมากกกก แล้วเราก็ต้องสอบสกีลที่ได้ซ้อมๆกันไปในสระ ครูสอนก็ฟิตมาก สองไดฟ์ก็สอบไปจนเกือบหมดแล้ว ตอนบ่ายก็เป็นการสอบ จริงๆก็ไม่ได้ยากนะ ใครก็สอบผ่านแหล่ะ วันที่สาม เราก็สอบข้อเขียนผ่านกันทุกคน เย้

ต่อด้วยวันที่สี่ ก็จะเป็นการลงน้ำลึกที่สุดเท่าที่ระดับ open water จะให้ดำแล้ว ก็คือ 18 เมตร รอบนี้ ลงลึกมาก เราปวดหูมากๆ กว่าจะลงได้ ก็ซักพักเหมือนกัน แล้วก็จะมีสอบการใช้ dive computer และ เข็มทิศด้วย สนุกดี เป็นการไขข้อสงสัยว่า ทำไมครูสอนดำน้ำ ดำนำเราไปแล้วพากลับมาที่เดิมได้ แล้วก็มีการทำ safety stop แล้วก็ การขึ้นจากน้ำในรูปแบบต่างๆ แล้วครบสี่ไดฟ์ เราก็สอบสกีลครบทุกอัน เย้ๆๆๆ

เป็นการดำน้ำครั้งแรกที่สนุกมาก ครูที่สอนดำน้ำคนนี้ชื่อ น้องเพชร สอนสนุกมาก กวนดี ดูแลเราอย่างดี เพราะไดฟ์สุดท้าย เราเมาเรือ อ้วกแตกค่ะ น้องก็หาน้ำ เก็บของให้ อืออ ขอบคุณ ขอบคุณพี่หนิงด้วย มาเจอกันที่นี่ ดูแลถามไถ่เราตลอด ขอบคุณค่ะ เออ นี่คลาสไพรเวทนะ กลุ่มนี้ มีนักเรียนสองคน ทั้งเรือ มีคนไทยแค่สามคน เท่ปะหล่ะ มีแต่ฝรั่งทั้งลำ

FB_IMG_1471944348421.jpg

พอเรียนจบ ที่โรงเรียนก็ให้ diving log book มา เอาไว้เก็บข้อมูลว่าไปดำที่ไหน กี่ครั้ง ใครเป็น dive master

P_20160823_125746.jpg

สุดท้าย ทริปลุยเดี่ยวที่เกาะเต่าเราประทับใจสุดๆ ทั้งความสวยของทะเล แล้วก็ความเฟรนลี่ของคนที่รีสอร์ตด้วย วันสุดท้าย จำไม่ได้ว่ากิน gin-tonic ไปกี่แก้ว ไอ้ที่เมาเรือไม่รู้ว่าคลื่นแรง หรือว่าเมาเหล้ากันแน่ โดนมอม ฮะๆๆ ถ้าไม่ดราม่ามาก่อนกิน คงไม่กินเยอะขนาดนี้ รอบหน้าต้องไปโดนอีก จะไปเรียน Advance ด้วย แต่คิดว่า advance น่าจะพอแล้วหล่ะ ที่ทำงานมี instructor เยอะแล้ว เดี๋ยวเราไปเรียนเป็นครูสอนโยคะแทน

สุดท้าย หนูชื่ออั๋น อั๋นอวบ น่ะค่ะพี่
(แล้วก็ได้เหล้าฟรีทั้งคืนเลย อิอิ)

P_20160820_140942_BF.jpg

ทดลองเป็นคนทำบัวลอย

อาทิตย์ที่ผ่านมา เหมือนจะอดแป้งไปซักพัก อยู่ๆก็เลยอยากจะกินบัวลอยขึ้นมาค่ะ แป้งล้วน ไม่ผสมโปรตีน เพราะทำไข่หวานไม่เป็น

คืนวันนั้น เลยไปถามคนที่บ้านว่า บัวลอยใช้แป้งอะไรทำคะ ก็ไม่มีใครตอบ เลยไปหยิบแป้งข้าวเหนียวมาอย่างเดียวค่ะ เพราะหลังถุงเขียนวิธีทำบัวลอยเอาไว้ แล้วก็ซื้อฟักทอง กับ เผือก แบบที่ต้มมาแล้วจากสลัดบาร์ค่ะ อยากเผือกด้วยเหมือนกัน เลยจัดไปคืนนั้นซื้อของเสร็จ แม่ไลน์มาบอกว่า แม่ผสมแป้งข้าวเหนียวกับข้าวเจ้าครึ่งๆค่ะ แต่ก็อ่าว..ซื้อมาแล้ว ไม่เป็นไร ปั้นข้าวเหนียวตามสูตรหลังถุงก็ได้

เสร็จแล้วก็ปั้นๆ ได้บัวลอยต้มกิน ก็ไม่เละนะ อร่อยดี นุ่มมาก เราไม่อยากกินกะทิ เลยต้มแล้วผสมน้ำขิงซองทำแทน เป็นบัวลอยน้ำขิงแป้งล้วน สีเหลืองคือผสมฟักทอง สีม่วงคือผสมเผือก พอดีเราชอบเผือกมากๆ เดี๋ยวนี้เรื่องชาวบ้านไม่ค่อยมีให้เผือกละ เลยต้องซื้อมากินเอง(เอะ)

Jpeg

บัวลอยสามสีและแปะก้วย

จากนั้นอีกไม่กี่วัน ก็ซักอาทิตย์ก็อยากกินอีก แต่ก็ทำตามสูตรแม่บ้าง คือใส่แป้งข้าวเจ้าไปด้วย ผลก็คือ… แอบแข็งกว่าแป้งข้าวเหนียวล้วนนะ รอบนี้ไปทำกินกับเพื่อนด้วย เพื่อนอยากกินบัวลอยกะทิ เลยต้มใส่น้ำกะทิค่ะ ผลคือ กะทิหอมมากๆๆๆ แล้วก็ดีนะ เรามีสูตรแป้งข้าวเหนียวล้วนด้วย รอบนี้เลย มีทั้งนิ่มๆ แข็งๆ ปนกันไป แต่เราก็รู้แล้วว่า ถ้าชอบกินนิ่มๆ ก็ใส่แต่แป้งข้าวเหนียวล้วน ถ้าชอบแป้งแข็งขึ้นมาหน่อย ก็ใส่แป้งข้าวเจ้าผสมไปด้วย

P_20160725_205134.jpg

เฮ้ยแกคือมัน อร่อยมากจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ากลัวอ้วน ชั้นจะปั้นกินเองบ่อยๆ

พอเราส่งบัวลอยกะทิให้เพื่อนในกลุ่มดู มีคนอยากกินบัวลอยน้ำขิงค่ะ เราก็เลยอยากทำเหมือนกัน แต่บอกก่อนเลยว่า เหมือนจะไม่เคยกินบัวลอยน้ำขิงแหล่ะ รู้ว่าข้างในมันเป็นไส้งาดำแต่ไม่รู้ว่า texture ของใส้เป็นยังไง ก็ไปหาสูตรในอินเตอร์เน็ตเห็นสูตรนึงน่าสนใจมาก คือเค้าเอาผสมกับเนยถั่วแบบหยาบ เฮ้ยยยย เราชอบเนยถั่ว คือปกติเค้าบอกว่า ต้องเอางาไปคั่ว เอาน้ำมันงามาทำให้น้ำตาลทรายจับกับงาจนเป็นก้อน อะไรแบบนี้ นี่ง่ายดี เอาผสมเนยถั่วเลย เป็นก้อนเหมือนกัน แต่เหมือนเราจะใส่เนยถั่วน้อยไปหน่อย มันเลยไม่เป็นก้อนเลย เลยแอบใส่น้ำผึ้งไปด้วย แล้วก็ห่อด้วยแป้งข้าวเหนียวล้วน เพราะตอนนี้รู้แล้วว่า เราชอบแป้งนิ่มๆที่สุด

P_20160804_205919.jpg

ยำลูกชิ้น…เอ้ยไม่ใช่ บัวลอยต้มในน้ำขิงตะหาก

พอกัดไปแล้ว แห้งๆดี แต่ก็ไม่รู้ว่าของจริงต้องเป็นยังไง แต่เราว่ามันหวานไปหน่อย รอบหน้าใส่แค่งากับเนยถั่วพอ น้ำตาลคงไม่ต้องแล้ว เพื่อนบอกว่า น้ำผึ้งก็ไม่ต้องใส่นะมันมีกลิ่น…โอเค ไว้รอบหน้าๆ

P_20160804_202537.jpg

ถั่วเต็มๆ อร่อยดี คิดว่าไม่เคยกินแบบนี้ที่ไหนแน่นอน

สุดท้าย เราดันทำไว้หลายลูกเลย อาทิตย์นี้ ต้มกินกับน้ำขิงทุกเช้าน่าจะดีเนอะ กินให้เบื่อไปเลย ฮะๆๆ

อั๋นเอง

Jpeg

วันวีคกับ Thailander

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา (17 – 23 สิงหาคม) ค่ะ อั๋นได้มีโอกาสทวีตให้ @Thailander คือเค้าจะเปลี่ยนสลับคนที่ทั้งเป็นคนไทย คนต่างชาติที่เป็น expat มาอยู่ไทย ให้มาทวีตเป็นภาษาอังกฤษคุยกันค่ะ

Screenshot_2015-08-23-22-15-12[1]

ที่พีคคือ วันแรกที่เป็น Thailander ก็มีเหตุการณ์วางระเบิดที่ศาลพระพรหมที่ราชประสงค์ค่ะ เมนชั่นมาเพียบเลย วันจันทร์ปกติจะไปยิมที่พารากอนค่ะ แต่วันนั้นเพื่อนเค้าอยากกินไก่บอนชอน แต่โดนเบี้ยว เราเลยเปลี่ยนใจไปกินไก่แทน เลยเลี้ยวไปที่เทอมินัลแทน โชคดีจริงๆ (แต่ขอแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียด้วย) อั๋นก็ทำได้แค่รีทวีตข่าวจากสำนักข่าวใหญ่ๆแทน

รู้สึกว่าจะไม่ค่อยมีโปรแกรมเมอร์ผู้หญิงมาทวีตให้ Thailander นะคะ อั๋นเลยแอบรู้สึกว่า คนแมนชั่นหาเค้าดูแปลกใจที่แอบมีทวีตแบบ Geek อะไรแแบบนี้มาด้วย พีคสุดคือ มีคนบอกว่าไม่ค่อยเห็นใครทวีตอะไรแบบเราแล้วเค้าชอบ เลยเลี้ยงเบียร์ด้วย โห สุดยอด ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะไปหรอก แต่พี่คนที่ชวนอั๋นไปเป็น Thailander ก็ชวนจนได้เลย แต่ว่าวันนั้นสนุกดี เจอ Jenny The Voice ด้วย น่าร้ากก

Jpeg

และพี่คนที่ชวนแหล่ะค่ะ ทวีตอวยว่า เราเขียนโปรแกรมได้ อันนั้นไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่ว่านายฝรั่งเค้าตามพี่เค้าด้วย เลยโป๊ะเลย ;___; อุตสาห์เช็คแล้วว่านายฝรั่งไม่ตาม Thailander เดี๋ยวเค้ารู้ว่าการงานไม่ทำ เอาแต่ทวีต แต่ก็ดีค่ะเป็นทวีตอวย ตื่นเต้นดี เวลาก็บ่ายสองค่ะ ควรทำงาน

//platform.twitter.com/widgets.js

ช่วงนั้นอั๋นก็แอบทวีตภาษาสเปนบ้าง เยอรมันบ้าง ประปราย บางคนที่พูดสองภาษานี้ได้ ก็จะแอบตกใจนิดหน่อย บางคนก็มาถามว่าเรียนที่ไหน หาคอร์สอยู่อะไรอย่างนี้ ก็บอกเท่าที่รู้

แล้วก็ อั๋นแอบทวีตรูปสปองบ๊อบทุกวันเลยค่ะ มีคนจับได้ด้วย ฮะๆๆ เท่มาก

แต่ว่าอาทิตย์ที่เป็น Thailander ก็สนุกดีนะ เครียดแค่วันแรกที่มีระเบิดแหล่ะ ทำตัวไม่ถูกว่าควรจะพูดอะไรบ้าง แต่ที่เหลือก็โอเค ด้วยการที่ต้องเขียนแต่ภาษาอังกฤษ บอกเลยว่า เปิดดิกเช็คศัพท์ แล้วก็ Google เช็คแกรมม่ารัวๆเลยค่ะ ก็ได้ประโยชน์กับตัวเองเหมือนกัน ฮะๆๆ

ขอบคุณคุณ @KribBKK และ @underexpose ที่ให้อั๋นทดลองเป็นเซเลปทวีตเตอร์นะคะ

I tried to picture a man

เมื่อปลายๆเดือนที่แล้ว เพื่อนอั๋นคนนึงชวนไปเรียนวาดภาพสีน้ำแหล่ะ… ก็ไม่รู้นึกอะไรอยู่นะ เค้าส่ง link มาให้ดู ก็เห็นว่า รูปน่ารักดี ลองดูก็ได้ ปกติเค้าก็ชวนอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยๆนะ แต่รู้ตัวว่าไม่ค่อยมีหัวทางศิลปะเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยได้สนใจ แต่ก็ไม่แน่ใจว่า ทำไมอยู่ๆไปเรียน อาจจะเพราะ ราคาไม่แพงมาก แล้วก็ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ด้วย

ก่อนเข้าคลาส ครูที่สอนก็โทรมาถามรายละเอียดเรา พร้อมให้คำแนะนำสำหรับก่อนเริ่มคลาส เราก็โห ตื่นเต้นตั้งแต่ยังไม่เข้า รู้สึกอุปกรณ์เยอะเหลือเกิน แต่เค้าก็จัดชุดเล็กๆสำหรับผู้เริ่มต้นให้แหล่ะ ก็พอไหวอยู่

พอถึงวันที่เรียน เราก็เริ่มทฤษฏีพวกอุปกรณ์ต่างๆ กระดาษ เทคนิคการวาด แล้วครึ่งชั่วโมงแรก ก็หมดไปกับการฝึกการใช้เทคนิคต่างๆเช่น ระบายเรียบ เปียกบนเปียก แห้งบนเปียก เคลือบ แก่ไปอ่อน อะไรแบบนี้ ก็…ดูง่ายมั้ง แต่คือพี่คนข้างๆอั๋นแบบ เมพมาก แค่ระบายเรียบ ลงสโตรกของสีก็แบบ….โห พี่เรียนผิดคลาสรึเปล่า ดีขนาดนี้ นี้แค่ลองพูกัน อั๋นก็ท้อแล้ว

ต่อมา เค้าก็ให้ลองวาดภาพหนึ่งภาพ เป็นภาพหมี อั๋นก็วาดตามเค้าเลย คือแค่เริ่มร่างก็เพลียละ คือ สกีลวาดภาพแย่มาก อาย ยิ่งตอนลงสีนะ ต้องไล่ระดับสีอ่อนไปแก่ มีแสงเงาอะไรอีก เราก็เก่งเหลือเกิ้น ระบายเสร็จไปรอบแรก คือ แย่มากอ่ะ พี่คนที่สอนบอกว่า สีบางไปนะครับ ลองระบายเพิ่ม ก็พอดูได้ ไม่ได้สวยเหมือนของคนอื่น แต่คงไม่แย่สำหรับรูปสีน้ำแรกของชีวิตนี้

2015-07-11 12.49.01

หมดคลาสวันนั้น เค้าให้วาดรูปอะไรก็ได้มาหนึ่งรูป นี้คิดหลายวันมาก แล้วกว่าจะได้ว่างวาดรูป ก็ก่อนวันเรียนหนึ่งวัน แล้วเค้าเอาอั๋นไปใส่ใน Line กลุ่มที่เรียนสีน้ำ แต่ละคนก็ active กันม้าาาาก อีนี้ เวลานอนยังจะไม่มีเลย จะเอาเวลาไหนไปวาดรูป แต่ก็ได้แบบที่จะวาดและ เป็นรูปเกมทั้งสองรูปเลย

รูปแรกจะวาดฉากเปิดของ Monument Valley เละอย่างเดียวค่ะ คือ ทั้งเลอะข้าง ทั้งสีเน่า ทั้งกระดาษเปื่อย เพราะ เปียกบนเปียกเยอะมาก มีตรงฐานสีก็ปนกันอีก แย่สุดฮะๆๆ เริ่มรู้สึกท้อ

2015-07-18 01.26.25

แต่ก็คิดว่า เฮ้ย รูปแรกพังก็ปกติป่าวหว่า ว่าแล้วก็วาดรูปสอง เป็นรูปจากเกม Machinerium ก็เราว่าน่ารักดีนะ แต่ถ้าดูรูปเต็มๆคืsfggอ พื้นหลังก็พัง แถมแสงเงาผิดทางไปหมดอีก แต่พอถ่ายเหลือแค่นี้ จริงๆมันก็ดูดี ดูน่าเชื่อว่าเป็นหุ่นยนต์กระป๋องเก่าๆขึ้นสนิมนะ

2015-07-18 01.28.16

คุณได้รับไอเท็มหัวใจ 1 ea

วาดไปสองรูป รู้เลยว่า ไม่ใช่แนวแหล่ะ ยากเกิ้น พื้นฐานก็ไม่มี วาดรูปก็แย่ แต่เอาเถอะ เพิ่งอาทิตย์แรก

อาทิตย์ต่อมา…. ยากกว่าเดิมอีก เป็นการวาดแสงเงาขั้นกว่า ในรูปแบบการ์ตูน ไว้บล็อคหน้าถ้าไม่ลืมจะมาเล่าพร้อมโชว์รูป ตอนนี้ยังวาดไม่เสร็จ แต่แววเน่ามาแรงมาก ก็…ฝืนวาดจนจบไปเลยละกัน

อั๋นมีพี่ที่สนิทคนนึง เค้าชอบเสพงานกวีและศิลปะ คือเค้าสอนกีต้าร์อั๋นแหล่ะ เลยสนิทกัน คือว่า อั๋นก็ไปบอกพี่เค้าว่า ตอนนี้เรียนสีน้ำอยู่ พี่เค้าก็สนับสนุนใหญ่ ให้หนังสือมาเล่มนึงพร้อมแนะนำผลงานระดับอาจารย์ด้านสีน้ำให้ดู ก็สวยดีนะ เรานี้แค่พี่หมีก็เอาไม่รอดละ ต้องฝึกอีกเยอะ แต่ที่แน่ๆ Text นั้นเราคงไม่ได้อ่านอ่ะ 🙂 ไม่แน่ เผื่อเอาดีด้านเปียโนไม่ได้ ยังพอจะมีสีน้ำให้ระบายอยู่

ปล. มีสองรูปวาดเล่นๆระหว่างรอสีแห้ง พอไหวมั้ย

2015-07-20 01.26.47

ไอด้าอีกแล้ว โดนกาไล่เลย ก้าาาาา

เอาเหอะ ตัดสินใจเรียนไปแล้ว อีกอาทิตย์นึงก็จบละ จริงๆคลาสสนุกมากเลยนะ แต่ยากม้ากกกก เหมือนเห็นง่ายเหมือนตอนเราดูครูวาดเลยหง่ะ -_-

ทดลองเป็นคนขายเบเกอรี่

เมื่อวันอาทิตย์อั๋นไปซื้อของทำขนมปัง ตระเวนหลายที่เหมือนกัน เพื่อหาว่าที่ไหนขายถูกสุดในแถวๆโซน บางขุนศรี และปิ่นเกล้า แล้วก็ไปตามหาตราชั่งดิจิตอลด้วย

ความจริงที่น่าเจ็บใจคือ อั๋นเริ่มจากไปดูที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า คือไกลที่สุดจากบ้าน เพื่อไปหาตราชั่ง แต่ของหมด แต่ไม่เป็นไร หาซื้อพวกแป้ง ยีสต์อะไรพวกนี้ก่อนก็ได้ เดินไปที่ท๊อป แพงมากๆเลยจ้า ดีนะพอจำราคาได้ว่ามันไม่ได้แพงขนาดนี้ จากนั้นเลยไปหาที่โลตัสปิ่นเกล้า ยิ่งแล้วใหญ่เลยจ้า ไม่มีแม้กระทั่งแป้งที่อยากได้ จากนั้นก็กลับมาดูที่ฟู๊ดแลนด์จรัญ ก็ใกล้ขึ้นมาหน่อย ได้ยีสต์มาหนึ่งขวดเล็กๆ ราคาถูกกว่าท๊อปเยอะมากๆ ดีนะไม่ได้ซื้อ แต่แป้งขนมปัง เหมือนจะจำได้ว่าร้านขายของสำหรับเบเกอรี่ที่ตลาดบางขุนศรีมีขายถูกกว่า เลยไปซื้อแป้งที่ร้านนั้นแทน แต่ด้วยความที่กลัวส่วนผสมไม่เป๊ะ เลยยังอยากจะได้ตราชั่งอยู่ แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่า เราอยู่ซอย แม็คโครจรัญฯ แล้วทำไมไม่ไปดู!!! ว่าแล้วก็เจ็บใจตัวเอง เลยเดินไปดูตราชั่ง มีให้เลือกเยอะแยะเลยค่ะ รวมถึงแป้ง ยีสต์ ผงเสริมเบเกอรี่ ราคาเท่ากับร้านขายของเบเกอรี่เลย แต่เค้าไม่แบ่งขาย สรุปคือ แม็คโคร ใกล้บ้านสุด ครบที่สุด โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปหาถึงเซนทรัลปิ่นเกล้าเลย

เอาล่ะ ตอนนี้ อั๋นก็ได้ทั้งอุปกรณ์ และ วัตถุดิบเรียบร้อยละ  พอดีวันนี้ อั๋นกับอา กลับบ้านดึกเหมือนกัน เลยมานั่งคุยกันเรื่องต้นทุนขนมกันว่าคุ้มไม่คุ้ม

ลองคิด fix cost ที่อั๋นซื้อเองเพื่อสำหรับทำขนมก่อน มันจะมี เครื่องปั่น 1500 บาท กับ ตราชั่ง 680 บาท ซึ่งพวกเตาอบ หรือไมโครเวฟ ที่บ้านมีอยู่แล้ว

คราวนี้คุณอาบอกว่า ลองคิดค่าวัตถุดิบดู ว่ากำไรรึเปล่า อั๋นบอกว่า มันไม่หมดน่ะซิ ซื้อแป้งมาหนึ่งกิโล ใช้จริงสองขีด ที่เหลือจะคิดรึเปล่า ว่าแล้วก็ลองคำนวนดูตามสัดส่วนละกัน คิดราคาเท่าที่จำได้นะ

แป้งหงส์ขาว (แป้งขนมปัง) 1 กิโล 33 บาท
แป้งบัวแดง (แป้งเค้กแบบเบา) 1 กิโล 40 บาท
ผงแพ็ตโก สาม (สารเสริมขนมปัง) 500 กรัม 96 บาท
น้ำตาลทราย (วังขนาย) 1 กิโล 22.50 บาท
เนยเค็ม (อิมพีเรียล) 250 กรัม 75 บาท
ยีสต์ (Perfect) 15 กรัม 19.5 บาท
ไข่ 10 ฟอง 40 บาท (ไข่แพงจังแฮะ ฟองละตั้งสี่บาท นี้เลือกขนาดกลางนะ)
กลิ่นนมเนย ขวดเล็กจำปริมาตรไม่ได้ 19.5 บาท
ไส้กรอก มินิคอกเทล 22 ชิ้น ราคา 39 บาท (แพงขึ้นเรื่อยๆเลยนะอันนี้)
ที่เหลือเป็น เกลือ กับ นมผง อั๋นใช้ของที่บ้าน จำราคาไม่ได้ เดี๋ยวคำนวนคร่าวๆนะ

ขนมปัง 14 ก้อน ใช้ราคาประมาณนี้

แป้งขนมปัง 220 กรัม = 7.26 บาท
แป้งเค้ก 62 กรัม = 2.48 บาท
สารเสริมขนมปัง (ใช้ไปแค่เกินครึ่งช้อนมาหน่อยนึง ไม่รู้เท่าไหร่ เอาเป็นว่าซักขีดนึงก็แล้วกัน) = 0.20 บาทก็แล้วกัน พอดีมันใช้น้อยมากๆๆ
น้ำตาลทราย 55 กรัม = 1.24 บาท
เนยเค็ม = 11.4 บาท
ยีสต์ ใช้ครึ่งนึง ก็ ประมาณ = 9.75
ไข่ไก่ สองฟอง = 8 บาท
กลิ่นนมเนย ใส่ไปครึ่งช้อน น่าจะซัก = 1 บาทละมั้ง
ใส้กรอก CP เลยนะคะ ใช้ 14 ชั้น ก็ตกทั้งหมด

คร่าวๆประมาณนี้ ก็จะรวมเป็น 41.33 บาท ก็ต่ำกว่าที่คำนวนไว้เล่นๆกับอาว่าประมาณ ห้าสิบบาท แบบนี้ก็จะตกก้อนละ 2.95 บาท  จะเอากำไรเท่าตัวก็ลูกละหกบาทได้เลยนะ แบบไม่มีไส้นะ

คราวนี้ จะเหลือราคาไส้กรอกอีกแฮะ ตกชิ้นละ 1.77 บาทเลยแพงเหมือนกัน อาจจะลองใช้ยี่ห้ออื่นดูก็อาจจะถูกกว่านี้

อันนี้ตกอยู่ก้อนละ 36 กรัม ถ้าทำจริงคงต้องลดแป้งอีก เพราะที่ทำนี้ มินิคอกเทลอันนิดเดียว แต่แป้งหุ้มซะมากกว่า 70% ของขนมปังเลยมั้ง อาจจะได้ซัก 16-17 ลูกต่อการทำหนึ่งครั้งในอัตราส่วนข้างต้น

ถ้าเราตีซะ 16 ลูกต่อการทำหนึ่งครั้ง ถ้าอัตราส่วนเท่าเดิม ก็จะตกเหลือก้อนละ 2.5 บาท ไม่รวมไส้ บวกค่าไส้กรอกอีกก็คงเป็น สี่บาทกว่าเลย เดี๋ยวลองใช้ไส้กรอกยี่ห้ออื่นดู น่าจะลดต้นทุนได้อีกนะ แต่ถ้าเป็นไส้กรอกซีพี จะตกลูกละ 4.35 ถ้าขาย สองก้อนสิบนี้ไม่คุ้มแน่ๆ อั๋นคิดอยู่ว่าจะขาย สองลูกสิบห้าบาท แล้วใส่หน้ามายองเนสด้วย น่าจะพอเพิ่มมูลค่าได้อยู่มั้ง

ฉะนั้น ราคาไม่รวมไส้กรอก ตกก้อนละ 2.5 ถ้าขายก้อนละห้าบาทคือกำไรเท่าตัวเลยนะ เจ๋งดีแฮะ ไว้ทำอร่อยๆ ค่อยคิดต่อละกัน 😛

29839